ข่าว
วิดีโอ
หนังสือพิมพ์
ไทยรัฐทีวี
ไลฟ์สไตล์
กีฬา
บันเทิง
ดวง
หวย
นิยาย
โปรโมชั่น
MONEY
MIRROR
THAIRATH +
LIVE
แกนนำ 8 พรรคใจฟู เร่งเครื่องตั้งรัฐบาลเร็วขึ้น 2-3 สัปดาห์ “พิธา” ย้ำแค่ผู้จัดการมรดกหุ้นไอทีวี พร้อม แจงปมค้ำประกันหนี้ต่อ ป.ป.ช. เตรียมรับมืออุบัติเหตุการเมืองทุกสถานการณ์ เผยเช็กข้อมูลภายในพวกที่ ถูกสอยไม่ใช่ฝั่งนี้ “อุ๊งอิ๊ง” ตอบรับ “พิธา” เยือน sol bar รอฟังสัญญาณ “ทักษิณ” กลับบ้าน เน้นปลอดภัยมาก่อน ไม่อยากให้กลับช่วงที่ยังวุ่นวาย คนครอบครัวชินวัตรเบรกหวั่นถูกหลอกอีก แต่เจ้าตัวอยากกลับสุดๆ ยอมรับ “อิ๊ง” พรรษายังน้อย รออีก 5 ปีขึ้นนายกฯ “เสรีฯ” หนุน “พิธา” ช่วยล็อบบี้ ส.ว. “วันนอร์” ขอเลิกฟังเสียงเผด็จการได้แล้ว กกต. โต้ข่าวจ่อแจกใบแดง 10 ว่าที่ ส.ส.ก้าวไกล “ศรีสุวรรณ” ร้องเอาผิด “ทิม” โฆษณายี่ห้อสุรา “ธนกร” มั่นใจ “ลุงตู่” ไม่กลัวเช็กบิล “บิ๊กบี้” ถามใครจะเช็กบิล “ลุง”
วิบากกรรมการจัดตั้งรัฐบาลของ 8 พรรคการเมืองฝ่ายเสรีประชาธิปไตย ยังต้องลุ้นระทึกกันต่อไป ว่าสุดท้ายแล้วคดีถือหุ้นสื่อไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล จะออกมาแบบไหน หลังกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เริ่มตั้งแท่นพิจารณาคดีนี้แล้ว
SPONSORED
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 มิ.ย. ที่พรรคเพื่อไทย มีการประชุมระดับแกนนำหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค ของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล พูดคุยถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นายวสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทรวมพลัง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม รวมทั้งตัวแทนพรรคพลังสังคมใหม่
ต่อมาเวลา 12.20 น. นายพิธาแถลงผลการประชุมว่า มีวาระสำคัญ 2 เรื่อง คือ 1.ประเมินสถานการณ์การเมือง ไทม์ไลน์จัดตั้งรัฐบาล 2.อัปเดตความคืบหน้าคณะทำงาน และคณะกรรมการประสานงาน ที่ประชุมเห็นตรงกันว่าน่ายินดีที่ กกต.จะรีบทำงานรับรอง ส.ส.ให้ได้เร็วที่สุด 95 เปอร์เซ็นต์ ตามที่ประธานกกต.ให้สัมภาษณ์ไว้ กระบวนการต่อมาคือ ส.ส.เข้ารายงานตัว เปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเลือกประธานสภาฯ เลือกนายกรัฐมนตรีและถวายสัตย์ฯต่อไป เห็นตรงกันว่าน่าจะเลื่อนเข้ามาเร็วขึ้น 2-3 สัปดาห์ ต้องเตรียมพร้อมนโยบายแถลงต่อรัฐสภา ดูการเปลี่ยนผ่านงบประมาณ ที่น่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. ถ้าจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วจะบริหารจัดการงบกระตุ้นเศรษฐกิจและดูแลประชาชนได้รวดเร็วมากขึ้น และจะมีการประชุมครั้งถัดไปวันที่ 20 มิ.ย. ที่พรรคไทยสร้างไทย จะตั้งเพิ่มอีก 2 คณะทำงาน คือ 1.คณะทำงานเกี่ยวกับการปฏิรูปประมง 2.คณะทำงานเรื่องการดูแลการเปลี่ยนผ่านงบประมาณ
เมื่อถามว่า เมื่อที่ประชุมเห็นตรงเรื่องไทม์ไลน์จะขยับขึ้นมา ปัญหาเรื่องประธานสภาฯระหว่างพรรคก้าวไกลและเพื่อไทยจะจบได้แล้วใช่หรือไม่ นายพิธาตอบว่า ยังพูดคุยกันอยู่ แต่เมื่อไทม์ไลน์เลื่อนเข้ามา ทุกกระบวนการทำงานต้องเร่งรัดขึ้น ทั้งเรื่องบุคลากร นโยบาย งบประมาณ เมื่อถามถึงกรณี กกต.สอบถามเรื่องการใช้สัญลักษณ์ค้อนเคียว นายพิธาตอบว่า คงจำกัดคำตอบเฉพาะที่ทราบ และพรรคได้โพสต์ชี้แจงไปแล้วว่า เป็นการแสดงออกถึงเครื่องมือทำมาหากินของปาร์ตี้ลิสต์ที่อยู่ใน 100 คน ที่มีทั้งพี่น้องเกษตรกร แรงงาน จุดประสงค์มีอยู่แค่นี้ไม่มีอะไรมากกว่านั้น เมื่อถามว่า กลุ่มทุนสหพัฒน์แสดงความไม่มั่นใจว่าจะบริหารประเทศล้มเหลวทางเศรษฐกิจเหมือนกับยูเครน นายพิธาตอบว่า ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจยังต้องมีโอกาสพูดคุยกับทุนเก่า นักธุรกิจหลายๆคน การอนุมานแบบนี้ผิดบริบทไปเยอะ 8 พรรคที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลยังเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นไปเรื่อยๆ เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจที่ทำงานเพื่อคนทุกคน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผ่านมาเกือบ 4 สัปดาห์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ยังไม่โทร.มาแสดงความยินดีที่ชนะเลือกตั้ง นายพิธาตอบว่า ยังไม่มีการโทร.มาจาก พล.อ.ประยุทธ์ เข้าใจว่าธรรมเนียมปฏิบัติทางการเมืองของตนกับ พล.อ.ประยุทธ์คงต่างกัน วันหนึ่งถ้าตนเป็นนายกฯหากมีการเลือกตั้งแล้วถ้าเกิดแพ้การเลือกตั้ง ก็ต้องโทร.หาผู้ชนะ และยอมแพ้ เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านรัฐบาลไร้รอยต่อมากที่สุด ถ้าเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง
เมื่อถามว่าที่บอกว่าเคยเป็นผู้จัดการมรดกหุ้นไอทีวี เริ่มเมื่อไหร่ จบเมื่อไหร่ และหุ้นดังกล่าวได้รับมาเมื่อไหร่ ตอนเป็น ส.ส.ปี 2562 ยังถือหุ้นดังกล่าวอยู่หรือไม่ นายพิธาตอบว่า เรื่องหุ้นต้องรอฟังรายละเอียด กกต. การเป็นผู้จัดการมรดกเริ่มตั้งแต่เมื่อศาลสั่ง จนกระทั่งโอนหุ้น เมื่อถามต่อว่าเป็นผู้จัดการอย่างเดียวหรือเป็นผู้รับโอนด้วย นายพิธาตอบว่า เป็นผู้จัดการมรดกอย่างเดียวไม่ได้รับโอน เมื่อถามว่า กกต.ตั้งประเด็นนี้ไว้แล้วและอาจเป็นการเข้าข่ายว่ารู้อยู่แล้ว แต่ยังมาลงสมัคร นายพิธาตอบว่า เท่าที่อ่านจากข่าวช่วงท้ายบอกว่าข้อมูลยังไม่เพียงพอ และยังพิจารณากันอยู่ คือ กกต.ยังตั้งรูปคดีอยู่ ไม่จำเป็นต้องตอบมากไปกว่านี้ รอความชัดเจนจาก กกต. เพราะได้อ่านรายละเอียดข่าวแล้ว ไม่ได้อ่านเฉพาะพาดหัว
เมื่อถามว่าที่บอกว่ามีกระบวนการฟื้นฟูไอทีวี อยากให้ระบุว่าใครอยู่เบื้องหลังกระบวนการนี้ นายพิธาตอบว่า ไม่ทราบว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่มีหลายท่านส่งข่าวมา ต้องพูดกันให้ชัดไม่ว่าพยายามจะฟื้นคืนชีพมาด้วยเหตุผลทางธุรกิจของผู้บริหารเอง หรือพยายามจะฟื้นคืนชีพมาเพื่อเหตุผลทางการเมือง เพื่อสกัดกั้นตน ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ความน่าจะเป็นมันมีอยู่ในอนาคต ตนต้องบริหารจัดการเพื่อลดความเสี่ยงในอนาคต ย้ำว่าในอดีตที่ผ่านมาทั้งเรื่องหลักฐานต่างๆ หรือหลักกฎหมายในการตัดสิน ถ้าบริสุทธิ์ยุติธรรม มีมาตรฐานเดียวกัน คิดว่าในอดีตที่ผ่านมาไม่มีปัญหาในการจัดตั้งรัฐบาล คงตอบได้เท่านี้
เมื่อถามถึงกรณีมีกระแสข่าวว่า นายพิธาไปค้ำประกันหนี้สินจำนวนหนึ่ง แต่ไม่แจ้ง ป.ป.ช.จะมีผลต่อคุณสมบัติการเป็นนายกฯหรือไม่ นายพิธาตอบว่า เรื่องนี้ไม่น่ามีปัญหา เพราะมีการประสานงานกับ ป.ป.ช.มาโดยตลอด ยังไม่เห็นข้อมูลทั้งหมด แต่หากมีคนร้องจริง หรือมีคำถามจาก ป.ป.ช. ยินดีชี้แจงเช่นเดียวกับกรณีการถือหุ้น แต่เป็นเรื่องปกติที่จะมีเรื่องต่างๆมาสกัดกั้น ไม่ได้กังวลใจแต่อย่างใด
เมื่อถามถึงกรณีที่ กกต.อาจให้ใบแดงว่าที่ ส.ส. อาจส่งผลให้สัดส่วนการจัดตั้งรัฐบาลเปลี่ยนไป พรรคเพื่อไทยอาจกลับมามีจำนวน ส.ส.มากกว่า การจัดตั้งรัฐบาลจะเปลี่ยนสมการหรือไม่ และยังมีโอกาสเป็นนายกฯอยู่หรือไม่ นายพิธาตอบว่า การประกาศรับรอง ส.ส.ต้อง 475 คน หรือ 95 เปอร์เซ็นต์ แต่หากมีการแจกใบแดง 20 คนจริง ก็ไม่มีผลต่อการจัดตั้งรัฐบาล หรือเปิดประชุมสภา ส่วนจะถึง 20 คนจริงหรือไม่ จากการสอบถามภายในไม่ได้มีการร้องมาทางฝั่งนี้ น่าจะเป็นฝั่งตรงกันข้าม แต่หากมีการเลือกตั้งใหม่ พรรคก้าวไกลก็พร้อมเลือกตั้ง อาจทำให้ได้ ส.ส.มากขึ้นด้วยซ้ำ เมื่อถามว่าหากเกิดอุบัติเหตุการเมืองส่งผลให้ไม่ได้เป็นนายกฯ แคนดิเดตนายกฯจะมาจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายพิธาตอบว่า อุบัติเหตุการเมืองเราอนุมานได้หลายรูปแบบ แต่เราเตรียมตัวไว้หมดในทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น เพื่อทำให้โอกาสเกิดอุบัติเหตุการเมืองเกิดได้น้อยที่สุด
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะยอมวางมือทางการเมือง ทำให้ ส.ส.ต้องหาที่อยู่ใหม่หรืออาจมาอยู่เพื่อไทยหรือพรรคอื่น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตอบว่า เรื่องนี้ในพรรคยังไม่มีการพูดคุย และไม่มีการสมมติว่าจะเกิดขึ้นด้วย พรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ และป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองให้มากที่สุด จากการพูดคุยยังคงมั่นใจว่าจัดตั้งรัฐบาลได้ ฉะนั้นการสมมติถึงเหตุการณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้น ขออนุญาตไม่สมมติ และมั่นใจว่าจะไม่เกิดขึ้น
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองในกรณีการถือหุ้นไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีแผนรองรับอะไรหรือไม่ว่า คดีหุ้นไอทีวีเป็นเรื่องภายในของพรรคก้าวไกล จึงไม่มีการหารือในที่ประชุม ทราบมาเบื้องต้นว่าพรรคก้าวไกลเตรียมข้อมูลแก้ไขข้อกังขานี้แล้ว เชื่อว่าน่าจะผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้ด้วยดี เมื่อถามถึงการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีจะเป็นรูปเป็นร่างเมื่อไหร่ นายประเสริฐตอบว่า ต้องรอ กกต.รับรองผลก่อน เพื่อทราบจำนวน ส.ส.ของแต่ละพรรคที่ชัดเจน ช่วงนี้ยังพอมีเวลาอยู่ ย้ำว่าขอให้รออีกนิด เพราะยังอยู่ในกรอบเวลา 60 วัน หาก กกต.รับรองภาพจะชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯที่ยังคาราคาซัง แต่ยืนยันว่าตำแหน่งประธานสภาฯไม่เป็นอุปสรรคระหว่างเพื่อไทยและก้าวไกล ส่วนกรณีที่มีว่าที่ ส.ส.กว่า 20 คน ถูกร้องเรียนนั้น ถ้า กกต.รับรองไปแล้ว 95 เปอร์เซ็นต์ ก็สามารถเปิดประชุมสภาฯได้ จึงต้องจับตาดูว่าแต่ละพรรคใครจะโดนเรื่องอะไรบ้าง
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการรีแบรนด์พรรคเพื่อไทยว่า ไม่ได้มองแค่การปรับโลโก้หรือสีของพรรค โลโก้พรรคยังเหมือนเดิม แต่จะมีวิธีสื่อสารกับโลกยุคปัจจุบันมากขึ้น เร็วขึ้น เมื่อถามว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ชวนให้ไปลองดื่มเครื่องดื่มเมนูอเมริกาโน่ส้ม ที่ sol bar ของพรรคก้าวไกล น.ส.แพทองธารตอบว่า ตอบรับแน่นอน ดื่มกาแฟไม่เป็นแต่ยินดีเป็นเมนูอื่นที่ไม่ใช่กาแฟ มีโอกาสจะไปอยากลองเมนูหลายอย่างที่ร้าน sol bar และถ้ามีโอกาสน่าจะได้ร้องเพลงด้วยกันกับนายพิธา แต่ยังไม่มีการซ้อมด้วยกัน “เจอพี่ทิมที่งานไพรด์ก็ถามว่าจะร้องเพลงขอให้เหมือนเดิมกับอิ๊งเหรอ”
น.ส.แพทองธารยังกล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยืนยันจะกลับไทยในช่วงเดือน ก.ค. ว่า ยังไม่มีการประสานอะไรมาที่ตน คิดว่าแผนการ กลับของคุณพ่อน่าจะค่อยๆคืบหน้าไป คงอีกไม่นาน โดยจะกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตามต้องมีการพูดคุยกับคุณพ่อ ซึ่งคุณพ่อน่าจะจัดการอยู่ ในส่วนของครอบครัวต้องเตรียมความพร้อมไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสะดวกสบายหรือการต้อนรับ เราคิดไว้หลายแบบแต่พยายามคิดด้านบวกเอาไว้ หลักๆก็เป็นเรื่องของความปลอดภัย แต่รอให้ใกล้กว่านี้ท่านคงส่งสัญญาณมาว่าจะให้เราเตรียมอะไรบ้าง ตอนนี้ เราเตรียมโดยไม่มีหลักการ เพียงแค่จะต้อนรับกลับบ้านเท่านั้น
เมื่อถามว่ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดือน ก.ค. น.ส.แพทองธารตอบว่า “คิดว่านะ ยังเป็นเดือน ก.ค.อยู่ แต่ต้องดูสถานการณ์ประกอบด้วย ล่าสุดที่คุยยังเป็น ก.ค.อยู่ เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรเราต้องดู เพราะคิดว่าการที่คุณพ่อกลับมาอาจต้องเป็นเรื่องสำคัญ ฉะนั้นต้องดูสถานการณ์ด้วย หรือกลับมาแล้วขณะนั้นเวลาเหมาะสมหรือไม่” เมื่อถามว่าสถานการณ์การเมืองถือเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจหรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า คิดว่าคุณพ่อต้องดูด้วย ก็อยากให้กลับมาแล้วเป็นเรื่องดีๆ ไม่อยากกลับมาแล้วกำลังมีความวุ่นวายอยู่ ต้องดูให้เหมาะสมมากกว่า ไม่ได้มีปัจจัยอะไรที่ทำให้กลับหรือไม่กลับ เมื่อถามว่าหากในเดือน ก.ค.ยังจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ยังเป็นรัฐบาลรักษาการอยู่จะส่งผลกระทบหรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า ไม่น่ามีผล คุณพ่อให้สัมภาษณ์ไว้ว่าไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลก็จะกลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม สำหรับเหตุผลหลักๆที่เป็นเดือน ก.ค.นั้น ไม่แน่ใจ แต่คิดว่าคุณพ่อน่าจะชอบเดือนนี้เพราะเป็นเดือนเกิดท่าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ได้นัดรับประทานอาหารกับคนในครอบครัว ประกอบด้วย น.ส.พินทองทา คุณากรวงศ์ ชินวัตร พร้อมสามี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง หลัง น.ส.แพทองธารร่วมประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยคนในครอบครัวชินวัตรพูดคุยและไม่เห็นด้วยที่จะให้ น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯในตอนนี้ เนื่องจากยังไม่พร้อม อยากให้รออีก 5 ปี และไม่ใช่เรื่องง่ายกับสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน เพราะอายุแค่เพียง 37 ปี อีกทั้งยังมีแคนดิเดตนายกฯ คนอื่นที่เหมาะสมกว่า เช่น นายเศรษฐา ทวีสิน ที่เชี่ยวชาญในเรื่องเศรษฐกิจ และอยากให้เศรษฐกิจประเทศกระเตื้องขึ้นด้วย รวมถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ส่วนการเดินทางกลับไทยของนายทักษิณ ชินวัตร ทางครอบครัวชินวัตรอยากให้ทอดเวลาออกไปก่อน แต่ตัวนายทักษิณเองอยากเดินทางกลับมาเลย ซึ่งทางครอบครัวยังไม่มั่นใจว่าจะถูกหลอกหรือไม่ และใจจริงอยากให้กลับมาหลังตั้งรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว หรือมีการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อย
“อิ๊งยังอายุน้อย ประสบการณ์ก็น้อย แต่เข้ามาทำงานการเมืองเพื่ออยากทำให้พรรคเพื่อไทยเข้มแข็ง ส่วนทิศทางการเมืองของอิ๊งให้เป็นไปตามสเต็ป ขณะเดียวกันตัวอิ๊งเองก็บอกกับพ่อของเขาว่า เพดานบินตัวเองยังไม่ได้ ซึ่งพ่อเขาก็เข้าใจ” แหล่งข่าวระบุ
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงปัญหาการถือหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่า พรรคเสรีรวมไทยไม่ได้มีปัญหาอะไร อยากให้นายพิธาที่ได้รับการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงมากที่สุดได้เป็นนายกฯ ใครชนะมาก็อยากให้เป็น ได้ช่วยเหลือทุกทาง ทั้งคุยกับ ส.ว. อยากให้เรื่องนี้จบโดยเร็ว จัดตั้งรัฐบาลมาทำงานเพื่อประชาชน ไม่ใช่มีแค่รัฐบาลรักษาการที่ทำอะไรไม่ได้มากเพราะมีขอบเขต อยากขอร้อง ส.ว.ให้เชื่อใจได้ว่าจะไม่มีการแก้ไขมาตราที่เป็นปัญหา เคยดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยาสัญญาจะซื่อสัตย์ต่อประชาชนมาแล้ว ส่วนที่นายพิธา ยอมรับเรื่องการโอนหุ้นจะเป็นการผูกมัดตัวเองหรือไม่นั้น ยังไม่เข้าใจเพราะเรื่องเพิ่งเกิดขึ้น ต้องไปดูกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่าจะมีผลหรือไม่
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ประเด็นเรื่องหุ้นสื่อไอทีวีมี ความรู้สึกว่าสื่อมวลชนมักถามว่า กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ ผู้มีอำนาจว่าอย่างไร ไม่ค่อยได้ยินคำถามว่าประชาชนทั่วไปว่าอย่างไร ประชาธิปไตยคือการปกครองโดยประชาชน ของประชาชน เพื่อประชาชน กกต.เป็นเพียงผู้จัดการให้มีการเลือกตั้ง ศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่แก้ไขเมื่อมีปัญหา ขณะนี้เป็นเรื่องประชาธิปไตยของประชาชน ลงพื้นที่ประชาชนถามตลอดว่าเมื่อไหร่จะจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ พวกเขารอรัฐบาลใหม่มาแก้ปัญหาให้ จึงอยากสะท้อนให้สื่อมวลชนสะท้อนความรู้สึกของประชาชนมากกว่าเรื่องของ กกต.ที่เป็นเรื่องเล็ก ศาลรัฐธรรมนูญก็เป็นเรื่องของคนไม่กี่คน คิดว่านี่คือปัญหาใหญ่ของประเทศ ปัญหาใหญ่ของประชาธิปไตยเราในวันนี้ เลิกกลัวเรื่องเผด็จการกันเสียที ควรหมดยุคที่ต้องไปฟังเผด็จการ อยากให้เป็นเวลาของประชาชนที่อยากได้รัฐบาลของประชาชน
เวลา 11.30 น. พรรคก้าวไกลเผยแพร่ข้อความผ่านไลน์กลุ่มสื่อมวลชนประจำพรรคระบุว่า พรรคก้าวไกลยืนยันไม่มีนโยบายผลักดันแรงงานข้ามชาติกลับประเทศ หลังปรากฏข้อมูลตามสื่อต่างประเทศ และยืนยันว่านโยบายของพรรคไม่เคยระบุถึงการผลักดันแรงงานข้ามชาติกลับประเทศ จุดยืนของพรรคคือการคุ้มครองสวัสดิการแรงงานทุกคนที่ทำงานในประเทศไทยอย่างเสมอภาค ไม่มีการเลือกปฏิบัติ และเราต้องการอำนวยความสะดวกให้แรงงานข้ามชาติสามารถเข้ามาทำงานในไทยได้สะดวกขึ้น ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ปราศจากการเก็บส่วย เรียกเงินใต้โต๊ะ หรือเอารัดเอาเปรียบจากเจ้าหน้าที่
ผู้ประกอบการ ไทยให้ได้รับความสะดวกในการจ้างงานด้วย พรรคตระหนักถึงความสำคัญของพี่น้องแรงงานข้ามชาติ ในฐานะพลังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่พึ่งพิงแรงงานสูง และไทยอยู่ในภาวะสังคมสูงวัย และนโยบายของพรรคในด้านการต่างประเทศยังให้ความสำคัญอย่างสูงกับการส่งเสริมความร่วมมือในทุกด้านกับชาติพันธมิตรอาเซียน เพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชนในภูมิภาคร่วมกัน
วันเดียวกัน สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่ข่าวชี้แจงกรณีที่มีผู้โพสต์ในทวิตเตอร์ “Democracy PheuthaiParty” และเฟซบุ๊ก “แหม่มโพธิ์ดำ” ระบุว่า ส.ส.ก้าวไกลจะโดนใบแดงอีกเกือบ 10 คน เพราะไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และมีการนำไปโพสต์เผยแพร่ผ่านสื่อตามช่องทางต่างๆว่า ข้อความดังกล่าวเป็นข้อความเท็จ กกต.หรือเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในสำนักงาน กกต. หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องไม่เคยให้ข้อมูล หรือเผยแพร่ข่าวสาร หรือแจ้งข่าวไปยัง สื่อมวลชน หรือช่องทางการสื่อสารใดๆว่า ส.ส.พรรคก้าวไกลจะถูกจำกัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือถูก ดำเนินคดีตามกฎหมายเลือกตั้ง และพรรคการเมือง หรือจะเป็นผู้ได้รับใบแดงจำนวน 10 คน ขอให้ประชาชน อย่าหลงเชื่อ คำเตือน ผู้ใดแชร์ข่าวดังกล่าวด้วยวิธีการ กดไลค์ กดแชร์ รีทวีต รีโพสต์ ทางยูทูบ ทางติ๊กต่อก ส่งต่อทางไลน์ไปยังกลุ่มต่างๆ หรือช่องทางสื่อสารอื่นๆ จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14 จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำนักงาน กกต.ยังออกเอกสารชี้แจงกรณีที่มีผู้โพสต์ในทวิตเตอร์ “Suphanat Aphinyan” กล่าวหาว่า “กกต.ชุดนี้ห่วยแตกครับ เวลาผ่านมาเกิน 3 ปีแล้ว แต่คดีอาญาอันเนื่องมาจากการยุบพรรคอนาคตใหม่ กลับเงียบสนิท กกต.ชุดนี้ละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะความผิด ที่นำไปสู่การยุบพรรคอนาคตใหม่พ่วงมาด้วยความผิดอาญาตาม ม.124, ม.125 และ ม.126 ของ พ.ร.ป. พรรคการเมือง” นั้น ข้อความดังกล่าวเป็นความเท็จ กล่าวคือเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคอนาคตใหม่แล้ว กกต.มีมติให้ดำเนินคดีอาญากับผู้ดำรงตำแหน่งในพรรค 16 คน โดยแจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวน สน.มักกะสัน รับคำร้องทุกข์เป็นคดีอาญาที่ 403/2564 คาดว่าพนักงานสอบสวนสามารถสอบสวนให้เสร็จสิ้นได้ภายในระยะเวลาอันใกล้นี้
เมื่อเวลา 11.30 น. ที่สำนักงาน กกต. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวถึงคำร้องให้ตรวจสอบถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล ว่า ต้องรอ กกต.วินิจฉัยอย่างเดียว กกต.ไม่จำเป็นต้องเร่งพิจารณาก็ทำไปตามระเบียบ แต่เนื่องจากเป็นกรณีที่สนใจของ ประชาชนต้องละเอียดรอบคอบมากกว่า ส่วนที่นายพิธา โอนหุ้นไอทีวีออกไปแล้ว ประเด็นปัญหาคือโอนหุ้น เมื่อไหร่ หากโอนก่อนไม่มีความผิด ถ้าโอนหุ้นหลังลงสมัครรับเลือกตั้งถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว กกต.คงมีหนังสือไปถามสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ จากนั้น นายศรีสุวรรณได้ไปที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยื่นคำร้องให้สำนักงานคณะกรรมการควบคุม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เอาผิดนายพิธา ที่ไปกล่าวออก รายการทางยูทูบ เอ่ยชื่อยี่ห้อ และเชียร์สุราชุมชนหลาย ยี่ห้อ เข้าข่ายเป็นการโฆษณา ต้องห้ามตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2551 มาตรา 32
เวลา 11.00 น. นายสนธิญา สวัสดี อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เข้ายื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดต นายกฯ พรรคก้าวไกล อาจทำผิดข้อบังคับพรรคก้าวไกล ข้อที่ 12 (6) ที่ระบุว่า สมาชิกพรรคต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ถ้านายพิธาถูกวินิจฉัยว่าผิด จะไม่มีคุณสมบัติลงสมัคร ส.ส.และอาจ ไม่ได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ตามมาตรา 88 เท่ากับนายพิธากลายเป็นบุคคลธรรมดา และกระทำการเข้าข่ายครอบงำ ชี้นำ ทำให้เข้าข่ายมาตรา 28 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง นำไปสู่การ ยุบพรรคตามมาตรา 92 (3) ได้ นอกจากนี้ นายสนธิญายังยื่นคำร้องให้ กกต.ตรวจสอบ กรณีพรรคเพื่อไทยประกาศชะลอการทำตามนโยบายหาเสียงกระเป๋าเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 258 (3) และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 73 (5) ถือเป็นการหลอกให้ประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยหรือไม่
ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนายสนธิญา สวัสดี ยื่นเรื่องต่อกกต.ให้ตรวจสอบพรรคเพื่อไทยว่า พรรค พท.เป็นพรรคอันดับ 2 การจะนำนโยบายพรรคไปเป็นนโยบายรัฐบาล ต้องให้เกียรติพรรคอันดับ 1 ก่อน จึงใช้คำว่าชะลอ เพราะนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต กับนโยบายสวัสดิการพรรคก้าวไกลต้องใช้เม็ดเงินก้อนเดียวกัน มั่นใจว่าไม่เข้าข่ายหลอกลวงประชาชน หากนายสนธิญาศึกษาขั้นตอนจัดทำนโยบายสาธารณะอย่างลึกซึ้ง จะไม่ร้องประเด็นนี้ และเข้าข่ายก่อความวุ่นวายในสังคม ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 101 หากผู้ใดร้องเท็จ พรรคการเมืองสามารถร้องเอาผิดผู้จงใจกลั่นแกล้งได้ โทษตัดสิทธิทางการเมือง 20 ปี ติดคุกไม่น้อยกว่า 5 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท ฝ่ายกฎหมายพรรค พท.ต้องไปดูรายละเอียดต่อไป
นพ.ชลน่านกล่าวว่า ส่วนที่ กกต.จะรับรองส.ส.แต่หากมีใบเหลือง ใบแดงจะส่งผลต่อสมการตัวเลขพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น เท่าที่ฟังประธานกกต.แถลงคำร้องกว่า 280 เรื่อง มีว่าที่ ส.ส.อยู่ในข่าย 20 คน ตามกฎหมายต้องรับรอง ส.ส.ไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ถึงเปิดประชุมสภาฯเพื่อเลือกประธานสภาฯ และนายกฯได้ หากถามว่า 20 คนนี้มีผลหรือไม่ ถ้าเป็นคนฝ่ายเราจริงๆไม่มีผล เพราะมีตัวเลข ส.ส.กว่า 290 คน ถือเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็งได้ ถ้าใช้คำว่า 20 คน เป็นคนของพรรค พท.ไม่อยากจะตอบ เพราะถ้ามันเยอะ ต้องไปดูข้อเท็จจริง ขณะนี้พยายามติดตามว่า 20 คน นี้มาจากพรรคใด
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีหากรัฐบาลใหม่เข้ามาอาจตรวจสอบหรือเช็กบิลย้อนหลังรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหมว่า วันนี้นายพิธาควรไปเตรียมตัวเป็นนายกฯดีกว่า อย่างจะทำอย่างไรให้นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาทให้สำเร็จ ไม่ควรคิดว่าตัวเองยังเป็นฝ่ายค้าน และต้องเป็นนายกฯของคนไทยทุกคน เหมือน พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่ว่าเป็นนายกฯของคนแค่ 14-15 ล้านเสียงที่เลือกมาเท่านั้น รวมถึงต้องไม่เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร ควรใช้เวลาเตรียมชี้แจงปัญหาหุ้นต่างๆมากกว่า ไม่ใช่บอกว่า มาไล่เช็กบิลรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์พร้อมให้ตรวจสอบและไม่ได้กังวล
นายธนกรยังกล่าวถึงกรณีนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ออกมาระบุว่า การที่นายพิธา และพรรคก้าวไกลถูกร้องเรียนหลายเรื่อง เป็นการทำนิติสงครามหรือตุลาการภิวัตน์ว่า การสร้างวาทกรรม นิติสงครามหรืออะไรต่างๆ นายปิยบุตรเก่งที่ใช้คำน่าสนใจ แต่วันนี้เชื่อว่าคนไทยทุกคนยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมอยู่ เมื่ออยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันต้องยอมรับ ไม่ใช่ว่าพอศาลตัดสินถูกใจบอกว่าศาลดี พอศาลตัดสินตรงข้ามบอกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม วันนี้คําว่าตุลาการภิวัตน์ไม่มีหรอก เพราะไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล เวลาทำผิดโดนลงโทษเหมือนกันหมด ไม่มีใช้องค์กรอะไรต่างๆกลั่นแกล้ง องค์กรอิสระรัฐบาลไปแทรกแซงไม่ได้เหมือนรัฐบาลในอดีต เชื่อมั่นว่ากระบวนการยุติธรรมของศาลเป็นที่เชื่อมั่นและศรัทธาของประชาชนเราต้องยอมรับ ไม่เห็นต้องสร้างปัญหาข่มขู่จะลงถนนหากไม่ได้ดั่งใจ เมื่อถามถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ประกาศว่าจะกลับไทย พล.อ.ประยุทธ์ได้กำชับเรื่องนี้หรือไม่ นายธรกรตอบว่า ไม่มี และเรื่องนี้ไม่ก้าวล่วงดีกว่า เพราะนายทักษิณ บอกว่าจะกลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ฉะนั้นกลับได้ไม่มีปัญหา
ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตแก้วแท้ ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับย้ายนายทหารในส่วนของกองทัพบกว่า ยังไม่มีอะไรเลยทุกอย่างเป็นศูนย์ เมื่อถามย้ำว่า เรื่องอื่นก็เป็นศูนย์ใช่หรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ตอบว่า เป็นศูนย์เรื่องการปรับย้าย ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนอยู่แล้ว ยังมีเวลา เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในฐานะ รมว.กลาโหม ได้สั่งการย้ำอะไรในที่ประชุมสภากลาโหมหรือไม่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ส่ายหน้าก่อนตอบว่า ไม่มี เมื่อถามต่อว่า มีข่าวจะถูกเช็กบิล พล.อ.ณรงค์พันธ์ย้อนถามกลับว่า “ใครจะเช็กบิล” ก่อนจะกล่าวแบบติดตลกว่า ไปกินข้าว ไปทานอะไรต้องเช็กบิลอยู่แล้ว ทุกอย่างจ่ายตังค์ตลอด
SPONSORED
SPONSORED