วันนี้ (1 ม.ค.2567) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า “นิวซีแลนด์” เป็นที่แรกๆ ของโลกที่จัดงานฉลองปีใหม่ 2024 อย่างยิ่งใหญ่ โดยบริเวณ Sky Tower ที่นคร Auckland มีการจุดดอกไม้ไฟสว่างจ้าเหนือท้องฟ้าและสะพาน Auckland Harbour Bridge ท่ามกลางเสียงเชียร์และบรรยากาศครื้นเครงจากนักท่องเที่ยวและประชาชนที่ร่วมฉลองจำนวนมาก
Sky Tower สููง 328 เมตร การแสดงดอกไม้ไฟกินเวลานาน 5 นาที ใช้ดอกไม้ไฟ 500 กิโลกรัมและแสงเลเซอร์ รวมถึงการแสดงแอนิเมชัน
“ออสเตรเลีย” เป็นประเทศถัดมาที่เข้าสู่ปีใหม่อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการแสดงแสงสีเสียงที่สะพาน Sydney Harbour Bridge และดอกไม้ไฟจาก Sydney Opera House งานนี้มีประชาชนและนักท่องเที่ยวกว่า 1 ล้านคนเดินทางไปชมความตระการตา หรือร่วมๆ 1 ใน 5 ของจำนวนประชากรของซิดนีย์ ซึ่งหลายคนต้องไปจองที่ตั้งแต่เช้าวันที่ 31 ธ.ค.
การแสดงแสงสีเสียงที่ Sydney Harbour Bridge และดอกไม้ไฟจาก Sydney Opera House ประเทศออสเตรเลีย
การแสดงแสงสีเสียงที่ Sydney Harbour Bridge และดอกไม้ไฟจาก Sydney Opera House ประเทศออสเตรเลีย
ทางการออสเตรเลีย ระบุว่า การเฉลิมฉลองปีนี้จัดขึ้นท่ามกลางการควบคุมความปลอดภัยที่เข้มงวดกว่าที่เคย ท่ามกลายสถานการณ์ความขัดแย้งปัจจุบันในโลก
“ฝรั่งเศส” เฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ที่ถนนฌองเอลิเซ่ ในกรุงปารีส โดยประดับไฟอย่างงดงาม 2 ฝั่งถนน รวมถึงการแสดงพลุดอกไม้ที่มีประชาชนเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง
ทางการฝรั่งเศสระดมกำลังตำรวจ 90,000 นายดูแลความปลอดภัยทั่วประเทศ ในจำนวนนี้ 6,000 นายปฏิบัติหน้าที่ในกรุงปารีส และยังมีทหารอีก 5,000 นายทำหน้าที่ป้องกันภัยคุกคามจากการก่อการร้ายโดยเฉพาะ
“อังกฤษ” เสียงระฆังจากหอนาฬิกาบิ๊กเบนดังกังวานไปทั่วกรุงลอนดอน พร้อมกับการเริ่มการแสดงพลุดอกไม้ไฟ 12,000 ลูก ประกอบเสียงดนตรีที่ London Eye หรือชิงช้าสวรรค์ยักษ์ เป็นศูนย์กลางของการแสดงพลุดอกไม้ไฟในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา
การแสดงพลุดอกไม้ไฟรอบๆ London Eye และหอนาฬิกาบิ๊กเบน ใจกลางกรุงลอนดอน
การแสดงพลุดอกไม้ไฟรอบๆ London Eye และหอนาฬิกาบิ๊กเบน ใจกลางกรุงลอนดอน
“เยอรมนี” จัดงานเฉลิมฉลองที่ประตูชัยบรันเดนบวร์ก ในกรุงเบอร์ลิน โดยมีประชาชนเข้าร่วมงานประมาณ 65,000 คน ตลอดถนนที่จัดกิจกรรมซึ่งมีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร ในจุดนี้มีการเรียกเก็บเงินค่าเข้าคนละ 10 ยูโร หรือประมาณ 380 บาท นอกจากนี้ทั่วทั้งเมืองยังมีการจุดพลุดอกไม้ไฟ ทำให้ท้องฟ้าในช่วงเที่ยงคืนสว่างไสวไปด้วยแสงไฟจากพลุ
“รัสเซีย” แม้ว่าขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการทำสงครามกับยูเครน แต่ชาวกรุงมอสโกออกมาร่วมฉลองปีใหม่กันอย่างคึกคัก หลายคนขอให้ปี 2024 เป็นปีแห่งความสุขและขอให้โลกมีสันติภาพ โดยการเฉลิมฉลองรอบนี้ กรุงมอสโกไม่ได้จุดพลุดอกไม้ไฟทั้งในวันคริสต์มาสและวันขึ้นปีใหม่ เนื่องจากรัสเซียยังคงมีปฏิบัติการพิเศษทางการทหารในยูเครน
“ญี่ปุ่น” การฉลองต้อนรับปีใหม่เงียบเชียบกว่าที่อื่นๆ โดยที่ที่กรุงโตเกียว มีการประกอบพิธีลั่นระฆังที่วัดโซโจจิ มีประชาชนผลัดกันลั่นระฆังเพื่อความเป็นสิริมงคล ทันทีที่ก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่และนอกจากนี้ยังมีภาพคนร่วมกันเฉลิมฉลองตามสถานที่ต่างๆ ทั่วโตเกียว
ผู้คนจำนวนมากที่แยกชิบุยะ ใจกลางกรุงโตเกียวของญี่ปุ่น ในคืนวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของตำรวจ
ผู้คนจำนวนมากที่แยกชิบุยะ ใจกลางกรุงโตเกียวของญี่ปุ่น ในคืนวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของตำรวจ
ถัดมา 1 ชั่วโมงให้หลัง “ไต้หวัน” อาคาร Taipei 101 ที่ไทเป จุดดอกไม้ไฟฉลองต้อนรับปี 2024 อย่างยิ่งใหญ่ตระการตา
และในเวลาเดียวกันกับที่ไทเป อ่าววิกตอเรียของ “ฮ่องกง” นับถอยหลังเข้าสู่ปี 2024 พร้อมการแสดงดอกไม้ไฟเหนืออ่าวที่เป็นสัญลักษณ์ของเกาะ และ Hong Kong Convention and Exhibition Centre (HKCEC) ซึ่งถูกเปลี่ยนให้เป็นนาฬิกาขนาดยักษ์ แสดงหน้าปัดเวลานาน 12 นาที ท่ามกลางสายตานักท่องเที่ยวจำนวนมาก รวมทั้งการจุดดอกไม้ไฟจากเรือที่ลอยลำกลางอ่าว
การแสดงดอกไม้ไฟเหนืออ่าวอ่าววิกตอเรีย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเกาะฮ่องกง
การแสดงดอกไม้ไฟเหนืออ่าวอ่าววิกตอเรีย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเกาะฮ่องกง
“จีน” ที่กรุงปักกิ่ง ประชาชนออกมาร่วมกันเฉลิมฉลองรับปี 2024 ที่ Capital Steel Park ท่ามกลางการแสดงอุปรากรและวัฒนธรรมต่างๆ ผสมผสานกับการแสดงดอกไม้ไฟ
ส่วนที่ “ไทย” มีการจัดกิจกรรมเคานต์ดาวน์ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยจุดใหญ่ๆ ในกรุงเทพฯ ทั้งบริเวณหน้าห้างฯ เซ็นทรัลเวิลด์, ไอคอนสยาม รวมถึงสยามพารากอน มีประชาชนร่วมงานจำนวนมาก ส่วนที่วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทอดสดกิจกรรมเคาท์ดาวน์โลก “New Year’s Eve Live” โดยสำนักข่าว CNN
กิจกรรมเคานต์ดาวน์บริเวณวัดอรุณราชวราราม กรุงเทพฯ
กิจกรรมเคานต์ดาวน์บริเวณวัดอรุณราชวราราม กรุงเทพฯ
“สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์” ที่นครดูไบ อาคาร Burj Khalifa ที่สูงที่สุดในโลกเปิดแสดงแสงสีเสียงต้อนรับปีใหม่ ซึ่งนอกจากที่ดูไบแล้ว Ras Al Khaimah เมืองใหญ่อันดับ 6 ของยูเออี ยังมีการแสดงดอกไม้ไฟรับปีใหม่อย่างยิ่งใหญ่เช่นกัน
ส่วนที่ “อิสราเอล” ที่เวลาช้ากว่าไทย 5 ชั่วโมง ปีนี้ตั้งแต่ช่วงค่ำวันส่งท้ายปีเก่า มีการเปิดไฟที่โรงละครแห่งชาติ เพื่อเรียกร้องอิสรภาพให้แก่ตัวประกันและแสดงตัวอักษรภาษาฮิบรู คำว่า สามัคคีจะนำมาซึ่งชัยชนะ
ตึกสูงระฟ้า Burj Khalifa ที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เปิดแสดงแสงสีเสียงต้อนรับปีใหม่ 2024
ตึกสูงระฟ้า Burj Khalifa ที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เปิดแสดงแสงสีเสียงต้อนรับปีใหม่ 2024
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เคานต์ดาวน์ 2024 คึกคัก! วัดอรุณ-เซ็นทรัลเวิลด์-ไอคอนสยาม คนแน่น