วันนี้ (29 ธ.ค.2566) ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ และมีการนำเสนอเนื้อหาพระสงฆ์กลุ่มหนึ่งอัดคลิปในขณะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น ผ่านรายการ และสื่อโซเชียล
ด้านผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดตรัง บอกว่า ตอนนี้เจ้าคณะปกครอง เจ้าคณะอำเภอ และเจ้าอาวาส รับทราบเรื่องนี้ทั้งหมดแล้ว ทุกท่านไม่สบายใจ เพราะเป็นเรื่องของ โลกะวัชชะ หรือความไม่เหมาะควรแก่สมณสารูปของพระคุณท่านที่ออกสื่อไปในลักษณะนั้น
เบื้องต้นได้ประสานให้ลบคลิปออกทั้งหมด และหลังจากพระรูปดังกล่าวเดินทางกลับวัดในวันที่ 30 ธ.ค.นี้ จะได้พิจารณาพูดคุยกันอีกทีว่า จะพิจารณาในด้านพระธรรมวินัยไม่เหมาะควรกันอย่างไร
ผู้สื่อข่าวเราก็ลงพื้นที่ไปที่วัดต้นสังกัดในพื้นที่ ต.น้ำผุด อ.เมืองตรัง เพื่อไปสัมภาษณ์เจ้าอาวาสฯ ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ท่านเจ้าอาวาสไม่อยู่วัด จากนั้นได้พบชาวบ้านที่เดินทางมาให้อาหารสุนัขและแมวในวัดเป็นประจำทุกวัน บอกว่า รู้จักพระรูปดังกล่าวเป็นอย่างดี เพราะบวชเรียนเป็นสามเณรอยู่ที่นี่ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ จนปัจจุบันเป็นพระนักเทศน์ที่เทศนาดี เป็นที่รักของชาวบ้าน และยังเปิดห้องเรียนเพื่อสอนธรรมะให้เด็กๆ ในละแวกวัด ทำให้เด็กบางรายที่เคยเกเร ก็กลับมาเป็นเด็กเรียบร้อยขึ้น
ล่าสุดนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงต่อภาพลักษณ์ของคณะสงฆ์ ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่เหมาะสม จึงได้สั่งการด่วนให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ รีบดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว และลงพื้นที่หาข้อเท็จจริงจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้น
จากการตรวจสอบพบว่า พระที่ปรากฏในภาพข่าวชื่อพระมหาศรนริน หรือ หลวงพี่โจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่พรุ ต.น้ำผุด อ.เมือง จ.ตรัง สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ประสานนายสุขพิชัย เชาวกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดตรัง ลงพื้นที่พร้อมด้วยพระมหาสุวรรณ วิชฺชาธโร เจ้าคณะอำเภอเมืองตรัง เดินทางไปยังวัดดังกล่าวเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงทันทีที่ปรากฏเป็นข่าว
พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
โดยได้ประสานไปยังพระครูเมธากร เจ้าอาวาสวัดไร่พรุ ซี่งเป็นผู้ให้ข้อมูลและติดต่อพระมหาศรนริน หรือ หลวงพี่โจ เพื่อตักเตือนและให้ดำเนินการลบคลิปทั้งหมดออกจากสื่อโซเชียล ซึ่งหลวงพี่โจดำเนินการทันทีหลังจากได้รับการติดต่อ และได้ให้ข้อมูลว่าคณะจะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 30 ธ.ค.2566 นี้
นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า ในส่วนของสำนักพุทธฯ ซึ่งมีหน้าที่ในการสนองงานคณะสงฆ์ อีกทั้งเป็นหน่วยงานหลักที่ส่งเสริมการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา หากมีสิ่งใดทำให้คณะสงฆ์และพระพุทธศาสนาเสื่อมเสีย จะต้องรีบเข้าดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขอย่างทันท่วงที
ซึ่งในกรณีที่คณะสงฆ์เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นและตกเป็นข่าวเช่นนี้ ทางสำนักพุทธฯ ได้ประสานเจ้าคณะอำเภอเมืองตรัง และทราบว่าจะมีการนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมพระสังฆาธิการจังหวัดตรัง เพื่อให้พิจารณา ในวันที่ 29 ธ.ค.นี้ด้วย ซึ่งบทลงโทษจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับทางคณะสงฆ์จะพิจารณา กรณีดังกล่าวถือเป็น “โลกวัชชะ” โลกตำหนิติเตียนว่าไม่เหมาะสมในสมณสารูป แต่ไม่ถึงกับเป็นอาบัติหนักแต่อย่างใด
อ่านข่าวอื่นๆ :
สภาทนายความ ชี้แจง โต้ปมห้ามเข้าห้องน้ำ-ตรวจผ้าอนามัยช่วงอบรม
Related Stories
พฤศจิกายน 15, 2024