ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 20 มิถุนายน 2566
การเมือง/มั่นคง
“วันมูหะมัดนอร์” ระบุ ประธานรัฐสภามีประสบการณ์ทางการเมืองน้อยได้ แต่ต้องมีความเป็นผู้นำ ควบคุมการประชุมได้
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เดินทางมารับหนังสือรับรอง ส.ส. ที่สำนักงาน กกต. กล่าวขอบคุณ กกต. ที่รับรอง ส.ส.เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพราะเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์กับประชาชน ที่จะทำให้การเปิดประชุมสภา เพื่อเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรและเปิดประชุมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ทำให้ไทม์ไลน์การจัดตั้งรัฐบาลเร็วขึ้น ขณะที่การกำหนดนโยบายร่วมกันของคณะทำงานเปลี่ยนผ่านจาก 8 พรรคการเมืองก็มีความคืบหน้าในทุกด้าน
ส่วนการหารือร่วมกันของหัวหน้าพรรคจัดตั้งรัฐบาลในวันที่ 22 มิถุนายนนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ คาดว่า จะมีการพูดคุยเรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร หลังให้พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ไปตกลงกันเรื่องตำแหน่ง ว่าพรรคใดจะเป็นประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ เชื่อว่า ทั้งสองพรรคได้วางตัวบุคคลไว้แล้ว และเชื่อว่า ทั้งสองพรรคการเมือง คงคัดบุคคลที่เหมาะสมมาทำหน้าที่เป็นอย่างดี เพราะต้องมาทำหน้าที่เป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติและต้องเป็นบุคคลที่มีศักยภาพมีความรู้ความสามารถก็จะทำให้งานของสภาคืบหน้าไปได้ด้วยดี เพราะยังมีกฎหมายอีกมากที่ต้องแก้ไข เช่น เรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ขึ้นอยู่กับประธานสภาฯว่าจะกำหนดให้รวดเร็วได้อย่างไร เพื่อดำเนินการแก้ไขให้รัฐธรรมนูญเป็นฉบับที่ประชาชนต้องการและเป็นผู้นำในการปฏิรูปฝ่ายนิติบัญญัติ และในฐานะที่เคยเป็นอดีตประธานรัฐสภา มองว่า บุคคลที่จะมาทำหน้าที่ประธานสภา ไม่เกี่ยวกับอายุและประสบการณ์ทางการเมืองน้อย แต่ต้องมีบุคลิกที่เป็นผู้นำให้คนเคารพและควบคุมการประชุมได้ รวมถึงต้องศึกษาข้อบังคับและกฎหมายให้แม่นยำ และตัดสินบนพื้นฐานการให้โอกาสของสมาชิกได้แสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมามากที่สุด แต่ต้องรักษาข้อบังคับของสภาด้วย ซึ่งรายชื่อบุคคลที่สื่อมวลนำเสนอ ก็เชื่อว่า จะสามารถทำหน้าที่ได้ดี
ส่วนการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า จะมีการพูดคุยหลังการเลือกประธานสภา ซึ่งแต่ละตำแหน่งต้องเลือกคนให้เหมาะสมกับงาน จะได้ทำงานได้อย่างรวดเร็ว ส่วนพรรคประชาชาติ เป็นพรรคเล็กต้องรอให้มีการพูดคุยแล้วว่า จะได้โควตาตำแหน่งใด
เศรษฐกิจ/ท่องเที่ยว
5 เดือนแรกของปีนี้ นักลงทุนต่างชาติลงทุนในไทย เกิดการจ้างงานคนไทยเกือบ 3 พันคน
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เปิดเผยว่า ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม – พฤษภาคม 2566) ได้มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จำนวน 274 ราย เงินลงทุนทั้งสิ้น 45,392 ล้านบาท เกิดการจ้างงานคนไทย รวม 2,999 คน ชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ จีน และฮ่องกง รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการควบคุมแรงดันหลุมขุดเจาะปิโตรเลียม องค์ความรู้เกี่ยวกับการออกแบบระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในโครงการรถไฟฟ้า เป็นต้น ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 พบว่า การอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย เพิ่มขึ้น 37 ราย คิดเป็นร้อยละ 16 โดยจำนวนนักลงทุนที่เข้ามาสูงสุด ยังคงเป็นนักลงทุนญี่ปุ่น ซึ่งธุรกิจที่ได้รับอนุญาต ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ นโยบายการส่งเสริมการลงทุนเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ อาทิ บริการขุดเจาะหลุมปิโตรเลียมภายในบริเวณพื้นที่แปลงสำรวจที่ได้รับสัมปทานในอ่าวไทย
สำหรับการลงทุนในพื้นที่ EEC ในช่วง 5 เดือนแรก มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 48 ราย คิดเป็นร้อยละ 18 ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด มูลค่าการลงทุน จำนวน 9,442 ล้านบาท ธุรกิจที่ลงทุน อาทิ บริการให้คำปรึกษาแนะนำด้านการบริหารจัดการกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ บริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การออกแบบเครื่องจักร เครื่องกล เครื่องมือ และอุปกรณ์ บริการรับจ้างผลิตเครื่องจักรและชิ้นส่วนของเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรม เป็นต้น
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อำนวยความสะดวกผู้เดินทางไปแสวงบุญประกอบพิธีฮัจย์ ประมาณ 3,200 คน
นางพาณินี ไชยสระแก้ว ผู้อำนวยการฝ่ายการท่าอากาศยาน บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวในโอกาสร่วมพิธีส่งและอำนวยพรผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ประจำปี 2566 ณ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ณ อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยคาดว่าในช่วงเทศกาลฮัจย์ประจำปี 2566 จะมีชาวไทยมุสลิมเดินทางออกจากประเทศไทย ผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ระหว่างวันที่ 19-23 มิถุนายน 2566 ประมาณ 3,200 คน ด้วยสายการบิน Saudi Arabian Airlines ให้บริการเที่ยวบินไปยังราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย จำนวน 9 เที่ยวบิน ในส่วนของเที่ยวบินขากลับระหว่างวันที่ 26-31 กรกฎาคม 2566 มีจำนวน 9 เที่ยวบิน เพื่อให้ผู้เดินทางไปแสวงบุญได้รับ ความสะดวก รวดเร็วในการใช้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้จัดเจ้าหน้าที่ไว้คอยอำนวยความสะดวกทั้งขาไปและขากลับ รวมถึงได้จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ไว้รองรับผู้เดินทางไปแสวงบุญให้พร้อมใช้งาน อาทิ ห้องละหมาด บริเวณชั้น 3 อาคารผู้โดยสาร และภายในอาคารเทียบเครื่องบิน E ชั้น 3 และอาคารเทียบเครื่องบิน C ชั้น 2
นอกจากนี้ ยังได้มีการประสานการทำงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสายการบิน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 สำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสาร และด่านควบคุมโรค โดยบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้แสวงบุญให้ได้รับความสะดวกทั้งจัดช่องทางตรวจบัตรโดยสารสำหรับผู้แสวงบุญเป็นกรณีพิเศษ การอำนวยความสะดวกด้านการตรวจหนังสือเดินทาง การผ่านศุลกากรตรวจของผู้โดยสาร พร้อมทั้งขอความร่วมมือผู้โดยสารที่เดินทางเที่ยวบินระหว่างประเทศควรเผื่อเวลาก่อนการเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง
เกษตรกรรม/สิ่งแวดล้อม
นายกรัฐมนตรีย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมดูแลประชาชนพ้นจากภัยแล้ง
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่าได้มีการพูดคุยถึงการทำงานของรัฐบาลในปัจจุบัน เพื่อให้ประเทศเดินหน้าและประชาชนได้รับการดูแลมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องภัยแล้งจากเอลนีโญต้องให้ความสำคัญ คาดการณ์ว่าฝนจะทิ้งช่วงในเดือนกรกฎาคม 2566 ต่อเนื่องไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ฝนลดลงมากกว่าค่าปกติร้อยละ 5 จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมดูแลช่วยเหลือในการเพาะปลูก การใช้น้ำชลประทานเสริมให้เป็นไปตามแผน เพราะถ้าน้ำน้อยลง ปริมาณน้ำสำรองมีความต้องการใช้มากขึ้น ซึ่งมีผลกระทบหลายด้าน โดยเฉพาะน้ำอุปโภค-บริโภค ระบบนิเวศและการเกษตร
นายกรัฐมนตรี ยังย้ำว่าการแก้ปัญหาของรัฐบาลในช่วงนี้ที่เป็นรัฐบาลรักษาการ ยืนยันจะทำให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดภาระให้รัฐบาลชุดต่อไป ในช่องทางที่สามารถบริหารจัดการได้อย่างถูกต้อง ไม่ขัดแย้งกับมาตรา 169 ตามรัฐธรรมนูญในเรื่องการแก้ปัญหาต่างๆ ซึ่งจะดูแลความเดือดร้อนของประชาชนให้เป็นไปตามหลักการ
สังคม
เจริญพระพุทธมนต์ถวายพระกุศล เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี
นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี 4 กรกฎาคม 2566 กรมการศาสนา กำหนดจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
โดยส่วนกลางร่วมกับวัดสุวรรณภูมิพุทธชยันตี จังหวัดสมุทรปราการ ประกอบด้วย พิธีเจริญพระพุทธมนต์และถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ ปลูกต้นไม้ในวันที่ 3 กรกฎาคม เวลา 10.00 น. ส่วนภูมิภาคร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรม จัดกิจกรรมตามความพร้อมของแต่ละพื้นที่มีการประกอบพิธีเจริญนวัคคหายุสมธัมม์ นิทรรศการน้อมสำนึกในพระกรุณาธิคุณ กิจกรรมตามมิติทางศาสนาและพระกรณียกิจด้านศาสนา ในฐานะทรงอุปถัมภ์ทำนุบำรุงพระศาสนา และทรงดำรงตนเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่พสกนิกรชาวไทย
พร้อมกันนี้ยังส่งเสริมให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่า ร่วมกันทำความดีถวายพระกุศล แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ นำหลักธรรมคำสอนทางศาสนามาใช้ในการดำเนินชีวิตสืบสานวัฒนธรรมประเพณีที่เกี่ยวเนื่องกับสถาบันหลักของชาติและเสริมสร้างความรักสามัคคีของประชาชนในชาติ พร้อมเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมกิจกรรมและน้อมสำนึกในพระกรุณาธิคุณ
แพทย์เตือนหญิงไทย หมั่นตรวจเต้านมด้วยตนเอง หากตรวจเจอตั้งแต่ระยะเริ่มแรกรักษาหายขาดได้
นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า มะเร็งเต้านมเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของหญิงไทย จากสถิติสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ปี 2559-2561 พบอัตราการเกิดโรคมะเร็งเต้านม 34.2 รายต่อประชากร 1 แสนคน หรือ 17,043 รายต่อปี เสียชีวิตวันละ 13 คน หรือ 4,654 คนต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงควรให้ความสำคัญและใส่ใจตรวจเต้านมด้วยตนเองสม่ำเสมอ เข้ารับการตรวจคัดกรองค้นหาความเสี่ยงมะเร็งเต้านมอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อเพิ่มโอกาสรักษาให้หายและลดโอกาสการเสียชีวิต
ด้านแพทย์หญิงวิภาวี สรรพสิทธิ์วงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยศาสตร์เต้านม สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า อาการหรือสัญญาณเตือนมะเร็งเต้านมที่ผู้หญิงทุกคนสามารถสังเกตและตรวจหาความผิดปกติได้ด้วยตนเอง ได้แก่ การมีก้อนที่เต้านมหรือรักแร้ รูปร่างของเต้านมเปลี่ยนแปลงไป เช่น มีรอยบุ๋ม ผิวหนังบวม แดงขึ้น หัวนมบุ๋ม หรือถูกดึงรั้ง มีผื่นหรือแผลที่เต้านมและหัวนม มีน้ำหรือเลือดไหลออกจากหัวนม หากพบอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม
ส่วนวิธีการตรวจเต้านมด้วยตนเอง ทำได้ง่ายๆ โดยใช้วิธีการดู คลำ กด เพื่อสังเกตความผิดปกติของเต้านมควรทำเป็นประจำเดือนละครั้ง ทั้งนี้ การค้นพบสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในเต้านมนั้นไม่ได้จัดเป็นมะเร็งทั้งหมด อาจเป็นเพียงถุงน้ำหรือเนื้องอกธรรมดาก็ได้ จึงรับการตรวจโดยบุคลากรทางการแพทย์ปีละครั้ง
แนะประชาชนดูแลสุขภาพช่วงหน้าฝน เลือกกินอาหาร ดื่มเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ช่วงหน้าฝนของประเทศไทยจะมีสภาพอากาศแปรปรวน อาจทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน ภูมิต้านทานลดต่ำลง โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงวัย และผู้ที่เป็นโรคประจำตัว ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง อาจติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ส่งผลให้เป็นหวัด มีไข้ ไอ เจ็บคอได้ หากต้องออกไปนอกบ้าน ควรวางแผนการเดินทางและเตรียมตัว พกร่ม เสื้อกันฝน หรือหมวก ป้องกันไม่ให้เปียกฝน หรือควรเตรียมเสื้อผ้าไว้ผลัดเปลี่ยนกรณีจำเป็นต้องลุยฝน เพราะการอยู่ในสภาพเปียกชื้น หนาวเย็นจะทำให้การรักษาสมดุลต่างๆ ในร่างกายเสียไป ทำให้เป็นหวัด คออักเสบ หลอดลมอักเสบ หรืออาจเกิดอาการปอดบวมแทรกซ้อนได้
นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการลุยน้ำท่วมขัง หากต้องเดินย่ำน้ำแต่ละวันเป็นเวลานานจะยิ่งมีโอกาสป่วยด้วยโรคที่มากับน้ำท่วมมากขึ้น เช่น โรคน้ำกัดเท้า อหิวาตกโรค โรคมือเท้าเปื่อย อันตรายจากเชื้อราต่างๆ เมื่อเข้าบ้าน ควรล้างมือและเท้าให้สะอาดทุกครั้ง
กรมอนามัย แนะควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ถือเป็นอีกวิธีที่ดีในการดูแลสุขภาพเพราะสารอาหารที่มีประโยชน์ จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและมีภูมิต้านทานโรคเพียงพอ โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนนี้ ควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เสริมด้วยสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน เช่น พริกไทยดำ หอมแดง ขิง กระเทียม และขมิ้น เพราะมีสรรพคุณ ช่วยไล่ไอเย็น เพิ่มความอบอุ่นแก่ร่างกาย ส่วนผลไม้ให้เน้นกินผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีประเภทส้ม ฝรั่ง มะละกอ สตรอเบอร์รี่ มะขามเทศ และมะขามป้อม ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน ทำให้ร่างกายแข็งแรงมีสุขภาพดี มีภูมิคุ้มกันต่อโรคต่างๆ นอกจากนี้ ควรดื่มน้ำมากๆ หรือดื่มน้ำอุ่นจะช่วยรักษาสมดุลอุณหภูมิในร่างกาย และช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำ จากเหงื่อและปัสสาวะมากเกินไป
มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ 28 มิถุนายนถึง 2 กรกฎาคมนี้ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดโอกาสให้นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้าพบ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อประชาสัมพันธ์งานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ และการประชุมวิชาการประจำปีการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือกแห่งชาติ ครั้งที่ 20 วันที่ 28 มิถุนายน – 2 กรกฎาคมนี้ ที่อาคาร 11 – 12 และห้องประชุมฟีนิกซ์ 1 – 6 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี
นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ร่วมกันผลักดันการพัฒนาสมุนไพรไทยจนเป็นที่ยอมรับ ขณะนี้ได้กลายเป็นทางเลือกให้กับประชาชนในการรักษาด้วยผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานผ่านการรับรองที่น่าเชื่อถือ พร้อมให้นำไปขยายต่อเกี่ยวกับพืชสมุนไพรคือ การสนับสนุนเกษตรกรปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกมาปลูกพืชสมุนไพร มีการสนับสนุนด้านการตลาด ส่งเสริมให้เกิดสินค้าชุมชน มีส่วนเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน
สำหรับการประชุมวิชาการประจำปี การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือกแห่งชาติ ครั้งที่ 20 จะดำเนินการทั้งในรูปแบบ On Site และ Online เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ประสบการณ์ ด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านการแพทย์ทางเลือกและสมุนไพร และยังเป็นโอกาสในการส่งเสริมด้านการตลาด เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจจากสินค้าและบริการด้านสุขภาพ
ภายในงานมีกิจกรรมหลากหลาย อาทิ การแสดงนิทรรศการและการสาธิต ภายใต้แนวคิด “สมุนไพรไทย ภูมิปัญญาไทย เศรษฐกิจไทย นำเสนอในประเด็น นวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและความเป็นไทย ภูมิปัญญาในการดูแลสุขภาพและการบริการให้คำปรึกษาเรื่องสุขภาพ การออกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยที่ได้รับมาตรฐาน 240 ร้านค้า ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมงานโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ปัญหาเยาวชนติดพนันออนไลน์ ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันเร่งสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี เด็กเยาวชนรู้เท่าทัน
รองศาสตราจารย์ แล ดิลกวิทยรัตน์ ประธานคณะกรรมการกำกับทิศทาง กลุ่มแผนงานลดปัญหาจากการพนัน สสส. กล่าวถึงปัญหากลุ่มเยาวชนไทย อายุระหว่าง 15 -25 ปี ติดเกมและพนันออนไลน์กว่า 3 ล้านคน ว่า น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะถือเป็นปัญหากัดกินฐานรากของสังคมไทยส่งผลให้ขาดคนวัยทำงาน ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากสภาพแวดล้อมและการเข้าถึงได้ง่าย และพนันออนไลน์เติบโตเร็วมากทำให้มาตรการและกฎหมายยังตามไม่ทัน ขณะที่ปัจจุบันภาครัฐยังไม่ได้ตื่นตัวกับปัญหาดังกล่าวมากนัก โดยที่ผ่านมา สสส. ร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชนดำเนินการแก้ปัญหากลุ่มเยาวชนติดพนันออนไลน์มาอย่างต่อเนื่อง เพราะปัญหาการติดพนันออนไลน์ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงทำลายอนาคตของชาติและยังส่งผลให้เยาวชนเกิดภาวะซึมเศร้า ดังนั้น สสส. จึงพยายามส่งเสริมให้เยาวชนเรียนรู้ความเป็นจริง รู้ถึงผลเสียและผลกระทบที่จะเกิดขึ้น การเปิดให้คำปรึกษาแก่เยาวชนและการส่งความรู้ให้กับผู้ปกครอง ครู และคณะสงฆ์ เพื่อเข้าไปพูดคุยให้ความรู้กับกลุ่มเยาวชน
สำหรับการแก้ปัญหาที่สำคัญ นอกจากผู้ปกครองจะต้องช่วยกันดูแลบุตรหลานแล้ว ขณะที่ภาครัฐจะต้องตระหนักและให้ความสนใจปัญหา โดยต้องกวดขันติดตามปราบปรามเว็บพนันออนไลน์ให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้กลายเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทย
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : ธนพิชฌน์ แก้วกา
ผู้เรียบเรียง : ธนพิชฌน์ แก้วกา
แหล่งที่มา : หน่วยงานสำนักข่าว
{{item.title}}
{{item.date}}
90-91 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. 10310
โทรศัพท์ 02-248-8600, Fax 02-369-2579
nnt.thainews © 2021 All rights reserved.