ข่าว
วิดีโอ
หนังสือพิมพ์
ไทยรัฐทีวี
ไลฟ์สไตล์
กีฬา
บันเทิง
ดวง
หวย
นิยาย
โปรโมชั่น
MONEY
MIRROR
THAIRATH +
LIVE
ปาฏิหาริย์ไม่มีจริง ยานดำน้ำ “ไททัน” ที่พาเหล่ามหาเศรษฐี 5 คน ทัวร์ใต้ทะเลลึกของมหา สมุทรแอตแลนติก ไปชมซากเรือไททานิคที่อับปางอยู่ก้นทะเล ถูกแรงดันน้ำลึกบีบอัดจนยานยุบตัวก่อนระเบิดแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ คร่าชีวิตคนในยานทั้งหมดแบบเสี้ยววินาทีโดยไม่มีโอกาสรู้ตัว ทีมงานค้นหาจากนานาชาติพบชิ้นส่วนเศษซากของยานอยู่ห่างจากซากเรือไททานิคราว 480 เมตร ผบ.หน่วยยามชายฝั่งของสหรัฐฯแถลงแสดงความเสียใจสุดซึ้งกับครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้งหมด เผยทัวร์ชมซาก “ไททานิค” เคยประสบผลสำเร็จพาลูกทัวร์ดำดิ่งลงใต้ทะเลมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ครั้งนี้หมดโอกาสกลับขึ้นมาบนผิวน้ำอีกตลอดกาล
ท่ามกลางความห่วงใยของชาวโลกและหวังให้มีปาฏิหาริย์ช่วยให้ผู้โดยสาร 5 คน ในยานดำน้ำขนาดเล็กสำรวจใต้ทะเลชื่อ “ไททัน” ของบริษัทการท่องเที่ยวโอเชี่ยนเกทส์ สหรัฐอเมริกา รอดชีวิต ภายหลังพากันเดินทางดำดิ่งลงใต้ทะเลลึกของมหาสมุทรแอตแลนติก ไปชมซากเรือ “ไททานิค” ที่อับปางจมอยู่ก้นมหาสมุทรนานถึง 111 ปี เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ประกอบด้วยนายสต็อกตัน รัช ชาวอเมริกันวัย 61 ปี เจ้าของบริษัทโอเชี่ยนเกทส์ ผู้สั่งต่อเรือไททันและผู้จัดทัวร์ นายฮามิช อาร์ดิง ชาวอังกฤษวัย 58 ปี เจ้าของบริษัทซื้อขายเครื่องบินเอวิเอชั่น แอคชั่น นายชาห์ซาดา ดาวูด ชาวอังกฤษเชื้อสายปากีสถานวัย 48 ปี รองประธานบริษัทเอ็นโกร คอร์เปอเรชั่น บริษัทปุ๋ยยักษ์ใหญ่ของปากีสถาน นายสุเลมาน ดาวูด ลูกชายวัย 19 ปี และนายพอล อองรี นาจีโอเลต์ อดีตนักดำน้ำพลขับเรือชาวฝรั่งเศส วัย 77 ปี โดยสนนราคาค่าทัวร์คนละ 250,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 8.75 ล้านบาทต่อคน และยานดำน้ำไททันขาดการติดต่อกับเรือแม่ที่จอดรออยู่บนผิวน้ำเหนือจุดที่เรือไททานิคจมไปกว่า 4 วัน จนทีมค้นหาจากนานาชาติต้องออกให้ความช่วยเหลือค้นหา
…
แต่ในที่สุดความหวังที่จะพบยานดำน้ำไททันกับผู้โดยสาร 5 คน ต้องสูญสลายไปอย่างสิ้นเชิงหลังทีมค้นหาพบว่าลูกเรือของยานดำน้ำไททัน 5 คนได้เสียชีวิตยกลำแล้ว จากการที่ตัวยานถูกแรงดันน้ำใต้ทะเลลึกบีบอัดบด ขยี้จนระเบิดแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ทั้งนี้ พล.ร.ท.จอห์น เมาเกอร์ ผู้บัญชาการหน่วยยามชายฝั่งที่ 1 ของสหรัฐอเมริกา ออกแถลงการณ์ยืนยันเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. หลังจากทีมค้นหานานาชาติขนอุปกรณ์สำรวจทะเลลึกจากทั่วทุกสารทิศมาช่วยปฏิบัติการค้นหากว่า 4 วัน โดยการแถลงระบุว่ายานสำรวจใต้สมุทรฮอไรซอน อาร์ ติค ค้นพบชิ้นส่วนส่วนหางของยานดำน้ำไททันอยู่บนพื้นผิวทะเล ห่างจากหัวเรือของซากเรือไททานิคไปประมาณ 487เมตร พร้อมพบชิ้นส่วนอื่นๆที่แสดงให้เห็นว่า ตัวยานดำน้ำถูกแรงดันน้ำบีบทำลายแตกเป็นเสี่ยงๆไปแล้ว
พล.ร.ท.จอห์นกล่าวอีกว่า ในฐานะตัวแทนของหน่วยยามชายฝั่งสหรัฐฯ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งแก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตและขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ระดมกำลังมาช่วยเหลือในปฏิบัติการที่ยากลำบากครั้งนี้ เบื้องต้นชิ้นส่วนที่พบใต้ทะเลมี 5 ชิ้น ประกอบด้วยส่วนหาง ส่วนหัว ตัวถัง และหน่วยยามชายฝั่งไม่ขอยืนยันว่าจะสามารถเก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตได้หรือไม่ เนื่องด้วยสภาพแวดล้อมใต้ทะเลดังกล่าวไม่เอื้ออำนวย ส่วนที่มีการได้ยินเสียงเคาะจากใต้ทะเลก่อนหน้านี้ ยืนยันว่าไม่ใช่เสียงขอความช่วยเหลือ แต่เป็นเสียงจากแหล่งอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกัน
ขณะเดียวกันแม้หน่วยยามชายฝั่งสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่าการระเบิดเกิดขึ้นช่วงใด แต่นักวิชาการหลายสายยืนยันว่า การระเบิดน่าจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ยานดำน้ำขาดสัญญาณการติดต่อ ขณะดำลงใต้ทะเลไปได้ 1 ชั่วโมง 45 นาที พร้อมอธิบายว่าแรงดันน้ำใต้ทะเลลึก ที่หมายถึงแรงที่บีบอัดตัวเรือ คิดเป็นความเร็วได้ถึง 2,400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใกล้เคียงกับความเร็วกระสุนปืน นั่นหมายถึงยานดำน้ำไททันถูกบดขยี้ภายในเวลา 0.001 วินาที หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพ ความเร็วในการกะพริบตาของคนเราอยู่ที่ 0.1-0.4 วินาที ขณะที่การตอบสนองต่อแรงกระตุ้นของร่างกายมนุษย์ นั่นคือรับรู้-คิด-กระทำ/รู้สึก จะอยู่ประมาณ 0.15-0.25 วินาที เรียกได้ว่าเหตุการณ์นี้ไม่ทันที่จะมีความรู้สึกตอบสนองใดๆ ก็เสียชีวิตทันทีแล้ว นอกจากนี้การบีบอัดที่รวดเร็วจะทำให้ออกซิเจนที่อยู่ภายในเรือมีอุณหภูมิร้อนจัดในพริบตา จนเกิดการระเบิดตามมาและเผาไหม้ชิ้นส่วนมนุษย์จนกลายเป็นเถ้าถ่านเช่นกัน
ขณะที่สำนักข่าวเดลีเมลของอังกฤษ รายงานอ้างการเปิดเผยของครอบครัวดาวูด ชาวอังกฤษเชื้อสายปากีสถานว่า การเดินทางครั้งนี้นายสุเลมานลูกชายนายชาห์ซาดา ได้แสดงความกังวลและความกลัวมาตลอดในเรื่องการดำดิ่งใต้ทะเลไปกับยานดำน้ำไททัน แต่ที่ตัดสินใจร่วมทริป เป็นเพราะอยากเอาใจคุณพ่อที่มีความชื่นชอบ เรื่องเรือไททานิค อีกทั้งวันที่ 18 มิ.ย.ของอังกฤษยังตรงกับวันพ่อแห่งชาติ จึงยอมเดินทางไปด้วย
นอกจากนี้ ในช่วงวันแรกที่เกิดเหตุเรือหายสาบสูญ สำนักข่าวต่างประเทศหลายกระแสยังรายงานว่า อดีตวิศวกรที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยของบริษัทโอเชี่ยนเกทส์ ได้ถูกไล่ออกจากงานเมื่อปี 2018 เนื่องจากแสดงความกังวลต่อผู้บริหารว่าเรือดำน้ำไททันไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัย ใช้คาร์บอน-ไฟเบอร์เป็นวัสดุตัวถังที่ไม่ทนทานต่อแรงอัดใต้ทะเล และปิดหัวท้ายยานด้วยไทเทเนียม อีกทั้งบริเวณกระจกมองภายนอกตัวเรือยังมีสเปกทนทานต่อแรงดันน้ำได้ที่ระดับความลึกเพียง 1,300 เมตร ไม่ใช่ระดับ 3,800 เมตร ที่ซากเรือไททานิคนอนหลับใหลอยู่
มีรายงานระบุว่า ยานดำน้ำไททันเคยดำดิ่งลงสู่ใต้ท้องทะเลพาลูกทัวร์ไปชมเรือไททานิคมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อปี 2021 และประสบความสำเร็จด้วยดี จากนั้นทริปที่ 2 ก็ตามมาในปี 2022 ส่วนการเดินทางทริปนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 แต่ขณะยานพุ่งลงไปใต้ทะเลได้เพียงชั่วโมงกับอีก 45 นาที ก็ขาดการติดต่อจากเรือแม่ และครั้งนี้ยานดำน้ำไททันหมดโอกาสกลับขึ้นมาบนผิวน้ำไปตลอดกาล
นายอาร์เธอร์ ลอยเบิล นักธุรกิจชาวเยอรมันวัย 61 ปี ผู้เคยร่วมทริปได้เล่าประสบการณ์กับผู้สื่อข่าวเอพีว่า การเดินทางไปกับยานดำน้ำไททันเหมือนกับปฏิบัติการพลีชีพ “คามิคาเซ่” เพราะต้องอยู่ในสภาพนั่งกอดเข่าอยู่ในตัวยานที่เป็นท่อเหล็กกลมๆ ยืนไม่ได้เหยียดขาไม่ได้ คุกเข่าก็ยังไม่ได้เลย ระหว่างดำดิ่งลงสู่ซากไททานิคใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที ต้องมีการปิดไฟในตัวเรือเพื่อประหยัดพลังงานและใช้แท่งไฟสะท้อนแสงเพื่อให้มองเห็น ทริปนั้นจำได้ว่ามีความหวาดเสียวมาก ก่อนจะดำน้ำพนักงานจำเป็นต้องซ่อมแซมแบตเตอรี่ พร้อมตั้งศูนย์ถ่วงเรือใหม่ เอาเข้าจริงแล้วนายสต็อกตัน รัช เจ้าของบริษัทโอเชี่ยนเกทส์ เหมือนกับช่างไร้ฝีมือ ที่ชอบดัดแปลงหาสิ่งใกล้ตัวมาใช้งาน ขนาดตัวควบคุมยังใช้จอยวิดีโอเกมราคาถูก
…
…
…