Online
16 มี.ค. 2566
|
"เม็ดเลือดขาวต่ำ" (Leukopenia) คือภาวะที่ภายในเลือดมีปริมาณเม็ดเลือดขาวต่ำกว่าปกติ ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งการติดเชื้อไวรัส ความผิดปกติมาตั้งแต่กำเนิด การติดเชื้อรุนแรง และที่คุ้นเคยคือ ป่วยโรคมะเร็งบางชนิด
"เม็ดเลือดขาวต่ำ" ไม่มีอาการที่แสดงให้เห็นชัดเจน ทว่าผู้ป่วยบางคนจะพบอาการข้างเคียงจากการที่ปริมาณเม็ดเลือดขาวลดลง โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำเนื่องจากการติดเชื้อ
อาการที่ปรากฏ คือ มีไข้ หนาวสั่น มีอาการบวมแดง มีแผลที่ปาก มีปื้นสีแดงหรือฝ้าสีขาวอยู่ภายในปาก เจ็บคอ มีอาการไออย่างรุนแรง หรือหายใจถี่ มีอาการเจ็บหรือปวดแสบปวดร้อนขณะปัสสาวะ ปัสสาวะที่ออกมามีกลิ่นเหม็นเน่า ท้องเสีย รู้สึกเจ็บบริเวณทวารหนัก ร่วมกับอาการบวมแดง มีอาการบวมแดง และมีหนองออกมาจากบริเวณแผล มีอาการระคายเคืองที่ช่องคลอด หรือคันช่องคลอดผิดปกติ
นอกจากนี้ หากเป็น "ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ" เนื่องจากโรค อาจพบอาการอื่น ๆ ที่เป็นสัญญาณของโรคร่วมด้วย ซึ่งผู้ป่วยควรสังเกตความผิดปกติของร่างกาย หากอาการเริ่มรุนแรงขึ้น หรือไม่มีทีท่าว่าจะทุเลาลง ผู้ป่วยควรรีบไปพบแพทย์ โดยด่วนเพื่อความปลอดภัย ซึ่งแพทย์จะตรวจเลือด หรืออาจเจาะไขกระดูกเพื่อนำมาตรวจหาสาเหตุของเม็ดเลือดขาวต่ำ
แน่นอนว่าเมื่อเผชิญต้องกับ "ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ" เรื่องอาหารเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มปริมาณเซลล์เม็ดเลือดขาวและที-เซลล์ ซึ่งอาหารประเภทผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ปลา มีกรดไขมันโอเมก้า 3 และไขมันที่มีประโยชน์ พริกหยวกสีแดง โยเกิร์ต ชาเขียว ขิง ขมิ้นชัน
"เม็ดเลือดขาวต่ำ รักษา" การใช้ยา เป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มระดับเม็ดเลือดขาว หรือช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อลงได้ ทั้งนี้ หากเป็นผู้ป่วยที่อยู่ในระหว่างการรักษาโรคมะเร็ง และมีระดับเม็ดเลือดขาวต่ำ แพทย์อาจสั่งชะลอการรักษาออกไป หรือลดขนาดของยาที่ใช้ในการรักษาเพื่อให้ระดับเม็ดเลือดขาวกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้อาการโรคมะเร็งรุนแรง หรือมีภาวะแทรกซ้อนที่ไม่พึงประสงค์
นอกจากนี้ในระหว่างการรักษา ผู้ป่วยจะต้องดูแลรักษาสุขภาพ และป้องกันตัวเองจากความเสี่ยงในการติดเชื้อ เพราะหากเกิดการติดเชื้อขึ้นในระหว่างที่ระดับเม็ดเลือดขาวต่ำ จะยิ่งทำให้อาการรุนแรงกว่าเดิม โดยควรปฏิบัติตนดังนี้ ล้างมือให้สะอาดก่อนหรือหลังอาหาร และหลังจากใช้ห้องน้ำ อาบน้ำอุ่นทุกวัน โดยไม่ให้อุณหภูมิของน้ำสูงเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวหนังแห้งได้ ใช้แปรงสีฟันชนิดนุ่มหรือใช้ผ้านุ่มๆ ทำความสะอาดเหงือกและฟันอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงแปรงที่แข็งเพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ ใช้ผ้าอนามัยแบบแผ่นแทนการใช้ผ้าอนามัยแบบสอดเพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ
"เม็ดเลือดขาวต่ำ" ไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย แต่หากระดับเม็ดเลือดขาวต่ำมากเกินไป โดยเฉพาะเม็ดเลือดขาวชนิดนิวโตฟิล หากมีในเลือดต่ำกว่า 500 เซลล์ต่อไมโครลิตร อาจทำให้ผู้ป่วยเข้าสู่ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำอย่างรุนแรง หากไม่รีบรักษา เชื้อแบคทีเรียที่อยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ภายในปาก ผิวหนัง หรือกระเพาะอาหารอาจเป็นสาเหตุของการติดเชื้อที่รุนแรงได้
"ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ" ไม่สามารถป้องกันได้เต็มที่ 100% โดยเฉพาะภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำที่เกิดจากโรคมะเร็ง ทว่าก็ยังมีโอกาสลดความเสี่ยงได้ โดยหลีกเลี่ยงโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อ และการอักเสบต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อกระบวนการผลิตเม็ดเลือดขาว นอกจากนี้ หากมีอาการที่ผิดปกติเกิดขึ้นภายในร่างกายควรรีบไปพบแพทย์เพื่อความปลอดภัย
สำหรับ "เม็ดเลือดขาวต่ำ 5 ชนิด" ได้แก่
เม็ดเลือดขาวชนิดนิวโตรฟิล (Neutrophil) เป็นชนิดของเม็ดเลือดขาวที่มีมากที่สุดในร่างกาย ทำหน้าที่ป้องกันการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา พิษจากสารต่าง ๆ หรือแม้แต่ต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง
เม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ (Lymphocyte) เป็นเม็ดเลือดขาวที่ผลิตจากไขกระดูก เม็ดเลือดขาวชนิดนี้แบ่งออกเป็น 2 ชนิดย่อย ๆ คือ บีเซลล์ (B-Cell) และทีเซลล์ (T-Cell) เมื่อเม็ดเลือดขาวถูกผลิตออกมาแล้ว 25% ชนิดบีเซลล์จะยังอยู่ในไขกระดูก ส่วนเม็ดเลือดขาว 75% จะเข้าสู่ระบบน้ำเหลืองและเลือด จากนั้นจะพัฒนาเป็นทีเซลล์ต่อไป โดยเม็ดเลือดขาวชนิดนี้ทำหน้าที่ต่อสู้กับการติดเชื้อ และป้องกันการติดเชื้อในครั้งต่อไป
"เม็ดเลือดขาวชนิดอีโอซิโนฟิล" (Eosinophil) เป็นเม็ดเลือดขาวชนิดที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อต่อสู้และป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย ปรสิต และทำหน้าที่ควบคุมอาการอักเสบที่ทำให้เกิดอาการแพ้และโรคหอบหืด
"เม็ดเลือดขาวชนิดโมโนไซต์" (Monocyte) เป็นเม็ดเลือดขาวชนิดที่ทำหน้าที่กำจัดจุลินทรีย์ สิ่งแปลกปลอม และเซลล์ที่ตายแล้ว
"เม็ดเลือดขาวชนิดบาโซฟิล" (Basophil) เป็นเม็ดเลือดขาวชนิดที่ช่วยป้องกันและรักษาการติดเชื้อจากบาดแผล บรรจุสารที่มีคุณสมบัติในบรรเทาอาการแพ้และช่วยควบคุมการแข็งตัวของเลือด
ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำมักสัมพันธ์กับจำนวนเม็ดเลือดขาวชนิดนิวโตรฟิลที่ลดลง ซึ่งเป็นเม็ดเลือดขาวชนิดที่มีในร่างกายมากที่สุด ทั้งนี้ หากมีสุขภาพที่แข็งแรง ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวและหายเองได้
คนปกติทั่วไปจะมีระดับเม็ดเลือดขาวเท่าไหร่
แรกเกิด-1 เดือน 5,000-34,000 เซลล์ต่อไมโครลิตร
อายุ 2-5 เดือน 5,000-15,000 เซลล์ต่อไมโครลิตร
อายุ 6 เดือน-1 ปี 6,000-11,000 เซลล์ต่อไมโครลิตร
อายุ 1-12 ปี 6,000-12,000 เซลล์ต่อไมโครลิตร
อายุ 3-5 ปี 4,000-12,000 เซลล์ต่อไมโครลิตร
อายุ 6-11 ปี 3,400-10,000 เซลล์ต่อไมโครลิตร
อายุมากกว่า 12 ปี 3,500-10,500 เซลล์ต่อไมโครลิตร
โดยหากผลการตรวจพบว่าผู้ป่วยมีระดับเม็ดเลือดขาวต่ำกว่า 3,000 เซลล์ต่อไมโครลิตร หรือมีปริมาณเม็ดเลือดขาวนิวโตรฟิลต่ำกว่า 1,900 เซลล์ต่อไมโครลิตร แพทย์อาจระบุได้ว่าผู้ป่วยมีภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ นอกจากนี้ หากต่ำว่า 1,500 เซลล์ต่อไมโครลิตร ถือว่ายิ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อด้วย และเมื่อวินิจฉัยได้แน่ชัดแล้วแพทย์จะวินิจฉัยเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุที่จำนวนเม็ดเลือดขาวลดลง และหาวิธีรักษาต่อไป
ข้อมูล: พบแพทย์ (PobPad), โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวที่น่าสนใจ
เพิ่ม คมชัดลึก ออนไลน์
ลงในหน้าจอหลักของคุณ