โดย PPTV Online
เผยแพร่
เหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศสดำเนินเข้าสู่วันที่ 3 แล้ว โดยเมื่อคืนที่ผ่านมายังคงมีรายงานการปะทะกันอย่างดุเดือดระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงและตำรวจตามเมืองใหญ่ๆ และล่าสุดมีผู้ประท้วงถูกจับกุมตัวแล้วกว่า 600 คน
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวันพฤหัสบดีที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา จากภาพจะเห็นว่ากลุ่มผู้ประท้วงพยายามทำลายกระจก และบุกเข้าปล้นสินค้าในร้านไนกี้ ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายชุดกีฬาที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงปารีส
และภาพของควันดำ และเปลวไฟที่ลุกไหม้บริเวณสระว่ายน้ำที่ยังคงอยู่ระหว่างการก่อสร้าง เพื่อจะใช้ในการแข่งขันโอลิมปิกปี 2024 ความวุ่นวายเหล่านี้เกิดขึ้น หลังจากกลุ่มผู้ประท้วงออกมาแสดงไม่พอใจจากกรณีที่ตำรวจยิงสังหารวัยรุ่นชาวฝรั่งเศสเชื้อสายแอลจีเรีย-โมร็อกโก เนื่องจากเขาไม่ยอมหยุดรถให้ตำรวจตรวจค้น
ฝรั่งเศสประท้วงเดือดวันที่ 2 ปม ตร.ยิงเด็กวัย 17 ดับ – จับแล้ว 150 คน
ฝรั่งเศสประกาศเคอร์ฟิว ควบคุมสถานการณ์ประท้วงรุนแรง
มีรายงานว่า เหตุความไม่สงบแบบนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องในหลายเมืองทั่วฝรั่งเศส ภาพของการปล้นสะดม การจุดพลุ และการจุดไฟเผาทำลายร้านค้า รถยนต์ รถบัส และอาคารสถานที่ต่างๆ สร้างความตกใจให้กับประชาชนทั่่วไป
และล่าสุด เหตุจลาจลแบบนี้ยังลุกลามไปถึงกรุงบรัสเซลส์เมืองหลวงของเบลเยียมด้วย โดยตำรวจเบลเยียมจับกุมตัวผู้ประท้วงที่ก่อเหตุจลาจลได้แล้ว 15 ราย
เหตุประท้วงและการก่อจลาจลเกิดขึ้นจากความไม่พอใจในการใช้ความรุนแรงของตำรวจ นี่คือชนวนเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา จากภาพจะเห็นตำรวจฝรั่งเศส 2 นายยืนอยู่ข้างรถเมอร์เซเดส-เอเอ็มจีสีเหลือง ที่จอดนิ่งอยู่ จากนั้นตำรวจนายหนึ่งได้เล็งอาวุธปืนไปที่คนขับซึ่ง คือ นาเอล เอ็ม (Nahel M) วัยรุ่นชาวฝรั่งเศส ก่อนที่ตำรวจจะลั่นกระสุนในระยะเผาขน ส่งผลให้นาเอล เอ็ม เสียชีวิตในเวลาต่อมา ข่าวนี้เป็นข่าวใหญ่ไปทั่งประเทศ สร้างความตกตะลึงและความโกรธแค้นให้กับผู้คน นำมาสู่การประท้วง
ด้านทางการรับมืออย่างไร? มีรายงานว่า กรุงปารีสสั่งงดให้บริการรถบัส และรถรางในพื้นที่ รวมถึงยังปิดการคมนาคมรอบๆ เมืองหลวงตั้งแต่เวลา 3 ทุ่มเป็นต้นไปด้วย เพื่อความปลอดภัยของพนักงานและผู้โดยสาร
รวมถึงส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 40,000 นายประจำการทั่วฝรั่งเศสเพื่อรับมือกับกลุ่มผู้ประท้วง ซึ่งคาดกันว่าจำนวนผู้ประท้วงได้เพิ่มเป็น 4 เท่าเทียบกับเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ที่เมืองแคทมาร์ทซึ่งกลายเป็นจุดที่เกิดการประท้วงรุนแรงตั้งแต่คืนวันพุธจนถึงวันพฤหัสบดี มีรายงานว่า สำนักงานของนายกเทศมนตรีเมืองแคลมาร์ท ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของชานกรุงปารีสได้ประกาศเคอร์ฟิวในช่วงกลางคืน ส่งผลทำให้ผู้คนที่อยู่ในเมืองไม่สามารถออกไปข้างนอกบ้านได้ตั้งแต่เวลา 3 ทุ่ม ถึง 6 โมงเช้า และประกาศดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่คืนวานนี้ไปจนถึงวันจันทร์หน้า นอกเหนือจากเมืองแคทมาร์ทที่ประกาศเคอร์ฟิว และหยุดให้บริการรถโดยสารสาธารณะแล้ว ก็มีบางเมืองได้ออกมาตรการคล้ายคลึงกันเพื่อรับมือกับการประท้วงเช่นกัน
กระทรวงมหาดไทยของฝรั่งเศสรายงานว่า ในช่วงสามคืนแรกของเหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้นในประเทศ พบตำรวจได้รับบาดเจ็บแล้ว 249 นาย และสามารถจับกุมตัวผู้ประท้วงได้มากถึง 667 คน
นอกจากนี้เมื่อวานนี้ในเมืองนองแตร์ ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุโศกนาฏกรรมสุดสลดนี้ มีผู้ประท้วงราว 6,200 คนเดินขบวนเรียกร้องความยุติธรรมไปตามท้องถนนเพื่อรำลึกถึงการเสียชีวิตของวัยรุ่นคนดังกล่าว
โดยในขบวนนี้มีแม่ของวัยรุ่นที่เสียชีวิตร่วมอยู่ด้วย เธอสวมเสื้อสีขาวที่มีข้อความว่า "Justice for Nahel" หรือ เพื่อความยุติธรรมให้นาเฮล ทั้งยังระบุวันที่เสียชีวิตของลูกชายไว้ด้านล่าง และระหว่างการเดินขบวนด้วยรถบรรทุกขนาดเล็ก แม่ของผู้เสียชีวิตได้โบกไม้โบกมือให้กับผู้สนับสนุน
หลังเกิดจลาจลมาสามวันติด นี่คือสภาพความเสียหายที่บันทึกไว้เมื่อช่วงเช้าวันนี้ หลายพื้นที่อยู่ในสภาพที่ได้รับเสียหายอย่างรุนแรง เช่น จากภาพคือเมืองรูแบ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดนอร์ ทางตอนเหนือของฝรั่งเศส จะเห็นว่าอาคารและรถยนต์ถูกจุดไฟเผาทำลายจนเหลือแต่ซาก
ส่วนในเมืองหลวงอย่าง กรุงปารีส พบรถบัสได้รับความเสียหายอย่างน้อย 12 คัน ด้านบริษัทที่ดำเนินการให้บริการรถสาธารณะของเมืองได้ออกมาประณามกลุ่มผู้ประท้วงที่ทำลายทรัพย์สินที่จำเป็นต่อการดำเนินงานบริการสาธารณะ
ส่วนความคืบหน้าอื่นๆ มีรายงานว่า ตำรวจที่ก่อเหตุได้ออกมาขอโทษครอบครัวของวัยรุ่นคนดังกล่าว และในเวลานี้เขาถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมโดยเจตนา การประท้วงเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับวัยรุ่นที่เสียชีวิตในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความโกรธแค้นของผู้คนต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ซึ่งพวกเขามองว่า เป็นการเหยียดเชื้อชาติ เนื่องจากวัยรุ่นชายผู้เสียชีวิตเป็นชาวฝรั่งเศสที่มีเชื้อสายอาหรับ
เหตุการณ์ตำรวจฝรั่งเศสยิงเหยื่อระหว่างหยุดตรวจรถในฝรั่งเศสที่เกิดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สามแล้วในปีนี้ แม้ว่าสถิติการเกิดเหตุดังกล่าวยังน้อยกว่าปีที่แล้ว แต่จากข้อมูลของสำนักข่าวรอยเตอร์สระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของเหตุการณ์ลักษณะนี้มักเป็นคนผิวดำ หรือคนที่มีเชื้อสายอาหรับ
เบื้องต้นยังไม่มีข้อมูลอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับจำนวนประชากรชาวฝรั่งเศสเชื้อสายอาหรับว่ามีจำนวนเท่าใด เนื่องจากฝรั่งเศสห้ามเก็บสถิติเกี่ยวกับเชื้อชาติ แต่มีรายงานระบุว่า คนกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากชาวฝรั่งเศสแท้ๆ
นอกจากนี้ยังมีการประเมินว่าร้อยละ 10 ของจำนวนประชากรชาวฝรั่งเศสทั้งประเทศมีต้นกำเนิดมาจากประเทศในแอฟริกาเหนือ อย่าง โมร็อกโก แอลจีเรีย ตูนิเซีย ลิเบีย และมอริเตเนีย ซึ่งเคยตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส
ฝรั่งเศสถือเป็นอีกหนึ่งประเทศของยุโรปที่มีผู้อพยพเข้ามาจำนวนมาก ทำให้สังคมที่นั่นมีความหลากหลาย และสิ่งที่ตามมาคือประเด็นเรื่องของการเหยียดเชื้อชาติ ซึ่งนักวิจารณ์บางคนชี้ว่าประเด็นนี้ถือเป็นปัญหาสังคมที่ร้ายแรงของประเทศมายาวนาน
นอกจากนี้ยังมีรายงานออกมาอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมต่อกลุ่มชาติพันธุ์อื่นอย่าง ชาวยิว ชาวมุสลิม ชาวเบอร์เบอร์ ชาวเอเชีย และผู้ที่ไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ด้วย
จากข้อมูลล่าสุดของกระทรวงมหาดไทยของฝรั่งเศสระบุว่า เมื่อปี 2021 มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเหยียดสีผิว ความเกลียดกลัวชาวต่างชาติ และการต่อต้านศาสนาพุ่งสูงถึง 12,500 คดี ซึ่งเป็นการกระทำความผิดเพิ่มขึ้นจากปี 2019 ถึงร้อยละ13 และมีการตัดสินให้ผู้กระทำผิดรับผิดชอบด้วยการจ่ายค่าปรับเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 26 ขณะที่ข้อมูลระหว่างปี 2013-2018 พบว่า ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจากการเหยียดเชื้อชาติราวร้อยละ 25 เผชิญกับความรุนแรงทางร่างกาย และร้อยละ 5 เผชิญกับการละเมิดทางวาจา
ส่วนในภาพรวมมีการคาดการณ์ว่า สถานการณ์เช่นนี้อาจทำให้ผู้คนในประเทศมากกว่า 1 ล้าน 2 แสนคนต้องเผชิญกับปัญหากับการเหยียดเชื้อชาติในแต่ละปี
PPTVHD36.COM ใช้คุกกี้ เพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคล และพัฒนาประสบการณ์การใช้งานให้กับผู้ใช้ เงื่อนไขการใช้งานเว็บไซต์ และ นโยบายสิทธิส่วนบุคคล
เพิ่ม PPTVHD36
ลงในหน้าจอหลักของคุณ
© สงวนลิขสิทธิ์ 2564 บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด
เกี่ยวกับ PPTVHD36 TERM CONDITION PRIVACY POLICY PRIVACY POLICY PARTNER MOBILE APP