ข่าว
วิดีโอ
หนังสือพิมพ์
ไทยรัฐทีวี
ไลฟ์สไตล์
กีฬา
บันเทิง
ดวง
หวย
นิยาย
โปรโมชั่น
MONEY
MIRROR
THAIRATH +
LIVE
ศึกชักเย่อชิงเก้าอี้ประธานสภาฯยังไม่จบ “ประเสริฐ” ยัน เพื่อไทยทำตรงไปตรงมา เชื่อขั้วเดิมไม่ฝืนมติประชาชนตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย “หัวเขียง” สวดทีมเจรจาทำตาม อำเภอใจ ไม่การันตีเสียงโหวตจะเป็นเอกภาพลงคะแนนลับจับมือใครดมไม่ได้ “นพดล” ถอดบทเรียนแลนด์ไถล “เจตน์” สวน ก้าวไกลอย่ามาคุย ส.ว.ให้เสียเวลา ไม่หวั่นม็อบกดดันเจอมาเยอะ ชี้ “พิธา” ติดกับดัก 112 ทำ ส.ว.ปิดสวิตช์ “สุพิศาล” โต้อย่าขวางคลอง แก้ 112 ยังอีกหลายขั้นตอนอย่าเอามาอ้าง เสียงข้างน้อยหมดสิทธิ์ชู “ป้อม” ซื้องูเห่าวันนี้พังทั้งพวง “เสี่ยหนู” ยืนกระต่ายสามขาไม่มีดีลลับ ก้าวไกลปิดประตูใส่รัฐบาลเสียงข้างน้อย กกต.เร่งเครื่องสอบ “พิธา” ถือหุ้นสื่อ “กรณ์” แยกทาง “สุวัจน์” ไขก๊อก หน.ชพก. “ชัยชนะ” รีบปัดข่าวจ่อหวนคืนรัง
หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯตราพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมรัฐสภาตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.2566 ขณะที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เตรียมนัด ส.ส.เข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นนัดแรกในวันที่ 4 ก.ค. เพื่อลงมติเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานสภาฯอีก 2 ตำแหน่ง
…
เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่พรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนเกี่ยวกับตำแหน่งประธานสภาผู้แทน ราษฎร หลังมีกระแสข่าวพรรคพลังประชารัฐเดินเกมเสนอชื่อนายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ชิงประธานสภาฯ และนายสุชาติพยายามหลบเลี่ยงนักข่าวในวันไปรายงานตัว ส.ส.ที่รัฐสภาว่า พรรคเพื่อไทยจะหารือกันภายในวันที่ 27 มิ.ย. ให้ได้ข้อสรุป แล้วนำไปหารือกับพรรคก้าวไกลในวันที่ 28 มิ.ย. ยืนยันเราดำเนินการเรื่องนี้อย่างชัดเจนตรงไปตรงมา ร่วมมือกับพรรคก้าวไกลเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล ไม่มีเล่นนอกเกมแน่นอน มั่นใจหลังวันที่ 28 มิ.ย. เรื่องนี้จะได้ข้อยุติเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย วันที่ 29 มิ.ย. จะมีการประชุมหัวหน้าพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลทั้ง 8 พรรค เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์การเมือง และความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงรับทราบความคืบหน้าการทำงานของคณะกรรมการชุดเปลี่ยนผ่านทั้ง 14 คณะด้วย
เมื่อถามถึงกระแสข่าวขั้วพรรคร่วมรัฐบาลเดิมจะเสนอตั้งนายกฯแข่งกับ 8 พรรคที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลขณะนี้ นายประเสริฐตอบว่า ถ้าเขาจะทำอย่างนั้นคงหมายถึงการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ที่ไม่สามารถบริหารงานได้ และถือเป็นการขัดมติประชาชนที่แสดงผ่านผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา โดยเลือกพรรคฝ่ายค้านเดิมมาร่วม 312 เสียง เพราะอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง อันนี้เป็นเจตนารมณ์ที่พรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลตามความต้องการของประชาชนให้ได้ และเชื่อว่าฝ่ายรัฐบาลเดิมคงนึกถึงประเทศชาติจะไม่ทำอะไรเช่นนั้น
นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ส.ส.ส่วนใหญ่ในพรรคมองว่าตำแหน่งประธานสภาฯควรอยู่กับเพื่อไทย ความจริงคณะเจรจาที่ได้รับมอบหมายต้องมารายงานต่อคณะกรรมการบริหารพรรค หากไม่มีปัญหาก็ตัดสินใจไปได้เลย หากยังมีปัญหาอยู่ควรนำปัญหานั้นเข้าสู่ที่ประชุม ส.ส. รับฟังความคิดเห็น ไม่ใช่เห็นอย่างไรแล้วว่าไปเลย แรกเริ่มทีมเจรจาบอกว่าการแบ่งตำแหน่งกับพรรคก้าวไกลจะเป็น 14+1 คือพรรคหนึ่งได้เก้าอี้นายกฯ อีกพรรคได้ตำแหน่งประธานสภาฯ แต่เมื่อคนที่ไปเจรจาบอกว่าจะยกตำแหน่งประธานสภาฯให้พรรคอันดับ 1 กลายเป็นพรรคหนึ่งได้ 14+2 คงไม่ใช่ เราจึงต้องมาพิจารณากันหลายด้าน วันที่ 27 มิ.ย. ส.ส.ในพรรคคงมาหารือกันเรื่องนี้
เมื่อถามว่าหลังประชุม ส.ส.แล้วทิศทางการโหวตจะเป็นไปทางเดียวกันหรือไม่ นายประยุทธ์ตอบว่า ไม่มั่นใจเพราะการเลือกประธานสภาฯให้ทำเป็นการลับ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 120 เมื่อลับแล้วจะบอกว่าเหมือนกันเลยหรือไม่ ไม่สามารถให้ความมั่นใจได้ เพราะจับมือใครดมไม่ได้ เมื่อที่ประชุมพรรคมีมติไปอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วนำไปสู่การเจรจากับพรรคก้าวไกล ถ้าเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายโอกาสเป็นกลุ่มก้อนก็มี แต่ถ้าคุยกันไม่ตกฟากโอกาสไปกันคนละทิศละทางก็มี ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการลงโทษคนที่ไม่โหวตตามมติพรรค ไม่เข้าใจว่าจะลงโทษกันอย่างไร เพราะเป็นการโหวตลับ
นายนพดล ปัทมะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานคณะทำงานถอดบทเรียนการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาของพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คณะทำงานได้รับฟังความเห็นจากผู้สมัครทั่วประเทศ นักวิชาการและสื่อมวลชนได้ประมวลความเห็นเบื้องต้นเสนอหัวหน้าพรรคและแกนนำพรรคเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป พบว่าสาเหตุที่พรรคเพื่อไทยไม่ชนะแลนด์สไลด์มาจากหลายปัจจัย และอาจแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดยุทธศาสตร์ใหญ่ในการเลือกตั้ง การจัดทำและนำเสนอนโยบาย ความสำคัญของการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย การคัดเลือกผู้สมัคร การดีเบตตามเวทีต่างๆ รวมทั้งการจัดเวทีปราศรัยเป็นต้น คณะทำงานมีข้อเสนอแนะเพื่อให้คณะกรรมการบริหารพรรคไปพิจารณาประกอบด้วย การพัฒนาให้พรรคเป็นสถาบันทางการเมืองที่เข้มแข็งขึ้นไปอีก การมุ่งมั่นพัฒนานโยบายอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง การเพิ่มพูนศักยภาพ ส.ส.ในทุกมิติ การสนับสนุนนักการเมืองรุ่นใหม่ การสร้างเครือข่ายผลักดันการแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน รวมถึงบทบาทหน้าที่ในฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ เป็นต้น
นายนพดลกล่าวอีกว่า เราขอให้ความมั่นใจกับผู้ที่เลือกพรรคเพื่อไทยมาสิบกว่าล้านเสียง และพี่น้องที่ไม่ได้เลือก เราจะมุ่งมั่นปรับปรุงพรรคให้เป็นที่พึ่งหวังของประชาชนให้ได้ นโยบายที่หาเสียงไว้ต้องผลักดันต่อในบริบทของรัฐบาลผสม 8 พรรค การไม่ชนะเลือกตั้งไม่ได้บั่นทอนความตั้งใจที่พรรคจะทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งต่อไป เพราะผลงาน อุดมการณ์ และจุดยืนของพรรคยังมั่นคง เมื่อคณะกรรมการบริหารพรรค รวมทั้งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้ตกผลึก มีความคืบหน้าในการพลิกโฉมพรรคเพื่อไทยเสร็จแล้ว พรรคจะรายงานให้ประชาชนทราบต่อไป
ขณะที่ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว. ให้สัมภาษณ์ถึงความเคลื่อนไหว ส.ว.ต่อการโหวตเลือกนายกฯที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆว่า ไม่ค่อยได้คุยกับเพื่อน ส.ว.คนอื่นเท่าไหร่ เพราะปิดสมัยประชุม ข้อมูลที่ได้ยินได้ฟังมามีน้อย ไม่สามารถพูดแทน ส.ว.กลุ่มต่างๆได้ ส่วนกรณีที่คนในพรรคก้าวไกลยืนยันว่าการเจรจาขอเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ให้โหวตหนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล เป็นไปในทิศทางบวกมากขึ้นนั้น ส่วนตัวไม่มีใครโทร.มา แต่ ส.ว.บางคนได้ยินว่ามี ส่วนใหญ่เป็นในลักษณะการมาขอชี้แจงเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งก็ถูกปฏิเสธไป เพราะ ส.ว.เขารู้แล้วว่าเป็นอย่างไร เลยบอกว่าไม่ต้องมาชี้แจงเสียเวลา นี่ฟังจาก ส.ว.บางคน แต่ขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อว่า ส.ว.คนไหน
เมื่อถามถึงสถานการณ์วันโหวตนายกฯ มีการประเมินว่าม็อบมาล้อมสภาฯกดดันให้ ส.ว.โหวตนายพิธา จะส่งผลต่อการตัดสินใจของ ส.ว.หรือไม่ นพ.เจตน์ตอบว่า ส.ว.คนอื่นตอบแทนเขาไม่ได้แต่ตนตลอด 10 ปีมานี้เจอมาตลอด ตั้งแต่ม็อบเสื้อแดง หรือม็อบช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เราต้องมีความคิดไม่หวั่นไหว และหวั่นไหวไม่ได้ และคิดว่า ส.ว.ส่วนใหญ่ไม่น่าจะหวั่นไหว “คิดว่ามีม็อบแน่ เป็นหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงต้องวางแผนมาตรการป้องกันเตรียมไว้ ต้องชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ถ้าจะมาชุมนุมแล้วก่อความวุ่นวายคุกคามอะไรอย่างนี้ ถ้าทำผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องทำตามกฎหมายและอำนาจหน้าที่”
นพ.เจตน์กล่าวอีกว่า พรรคก้าวไกลติดล็อกตัวเขาเองเรื่องมาตรา 112 จริงๆเส้นทางในการเป็นนายกฯของนายพิธาก็ไม่ยากจนเกินไป เพียงปลดล็อกเรื่องการแก้ไข 112 คิดว่ามีโอกาสสูงที่จะได้เป็นนายกฯ แต่การติดล็อกตัวเองด้วยการแสดงถึงเจตนารมณ์ชัดเจนแบบนี้ ในฐานะที่ยึดมั่นอยู่กับสถาบัน ถือว่าเป็นสิ่งไม่สมควร ยังมี ส.ว.อีกกลุ่มที่จะปิดสวิตช์ทุกกรณี ไม่ว่าทาง ส.ส.จะเสนอใครมาให้โหวตเป็นนายกฯ เขาจะงดออกเสียงหมด ไม่ว่าเป็นใคร ไม่ว่าจะซีกไหน เขาจะปิดสวิตช์ตัวเอง นี่เป็นความคิดของ ส.ว.อีกกลุ่มหนึ่ง เมื่อถามว่ากลุ่มที่จะปิดสวิตช์ตัวเองมีสักกี่คน นพ.เจตน์ตอบว่า บอกจำนวนแน่ชัดไม่ได้ แต่คิดว่าคงไม่น้อย กลุ่มนี้เวลามีการเสนอญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ เข้าก็โหวตให้กับคนเสนอกฎหมายมาตลอด ก็น่าจะอยู่ใน 23 คนนั้นแหละ ให้ลองไปดู แต่ไม่ใช่ว่า 23 เป๊ะ ให้ไปดูในกลุ่มนั้น อาจรวมคนนอกกลุ่มด้วย ประเมินไม่ถูกหรอก
ด้าน พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณี ส.ว.เริ่มออกมาส่งสัญญาณไม่โหวตหนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่า การเลือกนายกฯคราวนี้เป็นไปตามฉันทามติของเสียงข้างมาก 27 ล้านเสียง กลุ่ม ส.ว.ควรเข้าใจ มิใช่การตั้งเงื่อนไข ควรทำหน้าที่งดงามให้กับเสียงส่วนใหญ่ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 29 นายพิธายังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ตลอดทั้งแท่ง ยังไม่ใช่ผู้กระทำผิด ผู้ต้องหา หรือเป็นจำเลยในคดีที่ศาลตัดสิน ส่วนนโยบายที่อาจเป็นการขัดใจก็ยังไม่มีใครทำ นโยบายแก้ไข 112 ยังต้องใช้เสียงข้างมาในสภาฯ ต้องรับฟังเสียงประชาชน ตามมาตรา 77 อีก จึงไม่ใช่เหตุผลที่จะยกมาอ้าง และการแก้ไขคือแก้ไขให้งดงามให้สมฐานะ และแก้ไขวิกฤติที่จับผู้เห็นต่าง ให้ได้รับสิทธิเสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญตราไว้
เมื่อถามถึงกรณีนายไพศาล พืชมงคล อดีตที่ปรึกษารองนายกฯ ออกมาปูดแผนร้ายสกัด 312 เสียง รัฐบาลเสียงข้างน้อยเตรียมซื้องูเห่าจากขั้ว 8 พรรค ราคาตัวละ 100 ล้านบาท พล.ต.ต.สุพิศาลตอบว่า เป็นไปได้ยากถ้า 3 พรรคอย่างก้าวไกลเพื่อไทย และประชาชาติรวมกันเเน่น รวมถึงอีก 5 พรรคตั้งรัฐบาล งูเห่าจะไม่มีในรอบนี้ ยึดคำว่าปักหมุดประชาธิปไตย เมื่อถามว่ามีการวิเคราะห์ถึงชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพปชร. จะถูกเสนอชิงนายกฯ แล้วค่อยซื้องูเห่าหลังโหวตนายกฯเอา พล.ต.ต.สุพิศาลตอบว่า ยืนยันว่าดูดยาก เชื่อว่าหลังการเลือกประธานสภาฯจะเห็นความเรียบร้อย ครั้งนี้จะเป็นการเสนอชื่อเดียวไม่มีคู่แข่ง ทั้งตัวประธานฯ และรองประธานฯอีก 2 คน แม้ฝ่ายเสียงข้างน้อยจะเสนอชื่อแข่งโหวตอย่างไรก็แพ้ ไม่ต้องเสียเวลามานับ ยืนยันว่าปิดประตูตายตัว เชื่อว่าฝั่งประชาธิปไตยจะตกลงกันได้ เพื่อสยบข้อมูลการซื้องูเห่าร้อยล้าน เป็นจินตนาการจากอดีตที่จะขนลากกระเป๋ากันได้ แต่สมัยนี้ยาก กล้องซีซีทีวีมี
เมื่อถามถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย วิจารณ์พรรคก้าวไกลค่อนข้างดุเดือด พล.ต.ต.สุพิศาลตอบว่า ทางพรรคเห็นว่าอย่าไปตอบโต้เพื่อรักษาบรรยากาศ หนึ่งเราทำงานกันอย่างเป็นความลับ นั่นคือสิ่งที่เราไม่อยากตอบโต้ในกระบวนการของกลุ่มเพื่อนร่วมงานด้วยกัน มันจะกลายเป็นชนวน จริงๆแล้วมันจะจบที่ตัวแทนของพรรคเข้าไปชี้แจง และนำความนั้นกลับไปแจ้งสมาชิกพรรค เราเป็นเด็ก อ่อนน้อมถ่อมตนนั่นคือความงดงาม และสิ่งที่เราจะไปทำพร้อมกันคือวันที่ 27 มิ.ย.นี้ คงไปรายงานตัว ส.ส.แต่งกายเรียบร้อย ยิ้มแย้มแจ่มใส รวมถึงน้อมรับเข้ารัฐพิธีอย่างงดงาม และรอทางรัฐสภานัดหมายเปิดประชุมครั้งแรกเพื่อเลือกประธานสภาฯ น่าจะเป็นวันที่ 3 หรือวันที่ 4 ก.ค.
ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เวลา 13.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นประธานการประชุม ส.ส.พรรค มี ส.ส.เข้าร่วมประชุม 66 คน จาก 71 คน ขาดไป 5 คน ต่อมานายอนุทินแถลงว่า มีการหารือถึงวิธีการทำงาน วัฒนธรรมองค์กร ครั้งนี้มี ส.ส.ใหม่ 27 คน ที่เป็น ส.ส.เขต จึงต้องมาละลายพฤติกรรมให้รู้จักกันมากขึ้น และรับรู้ถึงแนวนโยบาย โดยเฉพาะความเป็นเอกภาพเป็นปึกแผ่นที่เราให้ความสำคัญมาก ส่วนทิศทางการเมืองหลังจากนี้ ที่ประชุมมีฉันทามติให้เป็นหน้าที่ของหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค ขับเคลื่อนทางการเมือง
เมื่อถามว่าพรรคจะรวบรวมรายชื่อ 50 ส.ส. ส่งศาลรัฐธรรมนูญสอบนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้า พรรคก้าวไกลหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้คุย และยังไม่ได้พูดคุยถึงทิศทางการโหวตประธานสภา แต่คงไม่ฟรีโหวตแบบที่ ส.ส.ไม่ทราบว่าจะโหวตอย่างไร ที่สำคัญขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เมื่อถามถึงสูตรตั้งรัฐบาล ที่มี ภท. พรรคเพื่อไทย และพรรคพลังประชารัฐ เพื่อดึง ส.ว.ร่วมโหวต นายอนุทินตอบว่า เป็นสูตรผู้สื่อข่าว ไม่ใช่สูตรของ ภท. เราท่องสูตรอยู่ 3 บท คืออยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้ เมื่อถามว่ารอให้ได้คือรอส้มหล่นหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า รอให้ได้ คืออาจรอเป็นผู้นำฝ่ายค้านก็ได้ ทำงานการเมืองสิ่งสำคัญที่ยึดถือคือเป็น ส.ส. ส่วนที่มากกว่านั้นคือบริบทการเมือง วันนี้เรามี ส.ส.มากขึ้น กว่า 40% มีความเข้มแข็งในพื้นที่ เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่า ภท.จะฉีกแถลงการณ์ที่เคยระบุว่าจะไม่ร่วมงานกับพรรคที่แก้ไขมาตรา 112 แต่กลับมีกระแสดีลลับกับพรรคก้าวไกล นายอนุทินตอบว่า พรรคไม่มีวันฉีกแถลงการณ์เรื่อง 112 อย่าว่าแต่ยกเลิกแค่แก้ไขก็ไม่เอาแล้ว ถ้าเปลี่ยนแปลง ตนกับเลขาฯคนนี้ต้องไม่ใช่ผู้บริหารพรรค ยุบพรรคดีกว่า เรามีความเชื่อมั่นเคารพสักการะในสถาบัน เราไม่ทำอะไรลับๆล่อๆ
เมื่อถามว่า ส.ว.บางคนระบุว่าจะมีการพลิกขั้วตั้งรัฐบาล นายอนุทินตอบว่า การตั้งรัฐบาลต้องตั้งรัฐบาลที่มีความเข้มแข็ง ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยก็ไม่รอดรอวันตาย ยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยไม่สนับสนุน รัฐบาลเสียงข้างน้อย เปิดประชุมก็อยู่ในช่วงร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯ เป็นเสียงข้างน้อยก็ไม่ผ่าน รัฐบาลต้องลาออก ถามว่าแล้วใครจะทำสิ่งเหล่านั้น ทำเพื่อสะใจใคร ทำแบบนั้นไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นความยั่งยืนของบ้านเมือง วันนี้เขากำลังฟอร์มรัฐบาลเสียงที่มากพอ พรรคภูมิใจไทยจึงอยู่นิ่งให้พรรคอันดับ 1 จัดตั้งรัฐบาล เราปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินการไปก่อน ไม่ว่าจะจัดตั้งได้หรือไม่ได้ เมื่อถามย้ำว่าสูตรเสียงข้างน้อยแล้วดึงงูเห่ามาเสริมทีหลัง นายอนุทินตอบว่า หมดแล้ว ยุคสมัยนี้ไม่มีแล้ว นึกไม่ออกถ้าทำการเมืองแบบเก่าคงลำบาก
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถึงความคืบหน้ากรณีที่ กกต.มีมติตั้งคณะกรรมการไต่สวนสืบสวนขึ้นมาตรวจสอบกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ก.ก. ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และรู้ว่าไม่มีสิทธิแต่ยังลงสมัครรับเลือกตั้ง ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 42 (3) และมาตรา 151 หรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างคณะกรรมการไต่สวนฯ โดยเป็นผู้เชี่ยวชาญดำเนินการสืบสวนหาข้อเท็จจริงว่ามีมูลตามความที่ปรากฏออกมาหรือไม่ นอกจากพยานเอกสารที่เป็นบันทึกการประชุมผู้ถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) คลิปเสียงบันทึกการประชุมบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นแจ้งต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลักฐานการถือครองหุ้นต่างๆแล้ว สิ่งสำคัญคือการเชิญนายพิธาในฐานะผู้ถูกร้อง มาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาด้วย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม รวมทั้งอาจมีการขอเรียกพยานเอกสารเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเอกสารจาก ป.ป.ช.ด้วย คาดว่าหลังจากรวบรวมพยานหลักฐานครบถ้วนแล้ว คณะกรรมการไต่สวนฯจะออกหนังสือเชิญให้นายพิธามาชี้แจง เบื้องต้นระยะเวลา 20 วันที่ กกต.ให้ไว้จะครบกำหนดในเร็วๆนี้
วันเดียวกัน นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เข้าพบและยื่นจดหมายถึงนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรค ชพก. ขอบคุณในความไว้วางใจที่มอบให้ พร้อมกับแจ้งลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค ในฐานะอดีตหัวหน้าพรรค ชพก. ขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคนทุกคะแนนเสียงที่สนับสนุนแนวคิดทางการเมืองของพวกเรา ตนจะสนับสนุนนโยบายทั้งหมดที่เราได้นำเสนอในสถานะประชาชนคนหนึ่งต่อไป ตลอดช่วง 18 ปีที่ผ่านมา รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสรับใช้ประชาชนและประเทศที่รัก ในฐานะนักการเมืองคนหนึ่งที่มาจากการเลือกตั้ง “บ้านเมืองเรายังมีปัญหาอีกมากมายรอการแก้ไข ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนนักการเมืองจากทุกพรรค และขอให้กำลังใจเป็นพิเศษแก่นักการเมืองที่กำลังจะเริ่มทำงานในสภาเป็นครั้งแรก อย่าให้ความต้องการเอาชนะครอบงำจิตใจและการแสดงออกจนเกินไป ทำงานด้วยการสร้างพลังบวกร่วมกันในสังคมให้ได้ จะคอยเป็นกำลังใจ ช่วงนี้ขอพาครอบครัวไปพักผ่อน ติดหนี้ที่บ้านไว้เยอะครับ”
นายนิพนธ์ บุญญามณี รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ปชป. พูดถึงการสร้างเอกภาพภายในเพื่อฟื้นฟูพรรค ปชป.ในอนาคตว่า เห็นด้วยกับแนวทางของนายอภิสิทธิ์ เรามีบทเรียนมาหลายครั้งแล้ว วันนี้ต้องคุยกันและต้องเห็นพ้องต้องกันก่อน ถ้าจะแก้ปัญหา แต่ถ้าพรรคไม่มีเอกภาพ คงเดินไปข้างหน้าลำบาก การทำให้พรรคมีเอกภาพถือเป็นสิ่งจำเป็น ยังเห็นด้วยว่าถ้าคุยกันได้ก็ต้องคุยกัน เราไม่ใช่คนอื่นคนไกลทุกคนเป็นคนในพรรคด้วยกัน มีอะไรก็คุยกัน ในทางการเมืองมันไม่มีใครได้อะไรร้อยเปอร์เซ็นต์ ทุกอย่างคุยกันแบบพี่แบบน้อง คุยกันฉันพี่ฉันน้อง เป็นเรื่องของคนในพรรค
เมื่อถามถึงกรณีสื่อมวลชนหลายสำนักวิเคราะห์ตรงกันว่ากลุ่มของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค ปชป. ยังกุมความได้เปรียบเรื่องเสียงโหวตอยู่ที่ 70 ต่อ 30 เปอร์เซ็นต์ นายนิพนธ์ตอบว่า ปชป.ไม่ใช่ฝั่งของใคร ทุกคนเป็นประชาธิปัตย์ เชื่อมั่นในประชาธิปัตย์คิดว่าทุกคนคิดถึงอนาคตของพรรคเป็นหลัก ตัวบุคคลมาแล้วก็ไป แต่พรรคต้องอยู่ ตัวบุคคลเราเปลี่ยนมาเยอะหลายยุคแล้ว ตนอยู่มาตั้งแต่สมัยยุวประชาธิปัตย์ คิดว่าตัวบุคคลเปลี่ยนได้แต่พรรคต้องอยู่
นายชัยชนะ เดชเดโช รักษาการรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยังไม่มีการทาบทามนายกรณ์ จาติกวณิช อดีตหัวหน้าพรรค ชพก. มาเป็นหัวหน้าพรรค ปชป. ฝากถึงผู้ที่ปล่อยข่าวว่าขอให้มีข้อมูลชัดเจนมากกว่านี้ เราไม่จำเป็นต้องทาบทามใคร ใครที่มีคุณสมบัติครบมีความประสงค์ สามารถลงสมัครได้ทุกคน เมื่อถามว่าในส่วน ส.ส.มีการคุยกันหรือไม่ว่าใครเหมาะเป็นหัวหน้าพรรค นายชัยชนะตอบว่า ยังไม่มี บุคคลที่เป็นข่าวก็ยังไม่ได้รับคำยืนยันจากเจ้าตัวว่าสนใจจริงหรือไม่ เมื่อถามถึงกระแสข่าวมีความพยายามผลักดันนายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา รักษาการรองหัวหน้า พรรค นายชัยชนะตอบว่า ข้อเท็จจริงยังไม่ใช่ทั้งนั้น ยังไม่มีใครยืนยันสักคน “คนที่พยายามให้ข่าวว่ามีการล็อกสเปก หรือมีการทาบทามคนโน้นคนนี้ อย่าหวังแค่เรื่องตัวเอง ทุกคนบอกว่ารักพรรค ก็ต้องช่วยกัน ต้องมีเอกภาพเป็นหนึ่งเดียวกัน ต้องไม่ใส่ร้ายป้ายสีใคร”
นายชัยชนะกล่าวต่อว่า การจะฟื้นฟูได้พรรคต้องรีแบรนด์ตัวเองทุกด้าน ต้องเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับยุคปัจจุบัน เมื่อถามถึงจุดยืนพรรคเกี่ยวกับการโหวตประธานสภาฯและนายกฯ นายชัยชนะตอบว่า ยังไม่มีการพูดคุยกัน ยังไม่ถึงจุดนั้น คิดว่าหลังจากประชุมรัฐสภาถวายสัตย์ปฏิญาณตน จะมีการหารือว่าจะโหวตให้กับประธานสภาฯคนใด ส่วนการโหวตเลือกนายกฯ ต้องรอกรรมการบริหารชุดใหม่ประชุมร่วมกับ ส.ส.ก่อน
อีกเรื่อง สวนดุสิตโพลเปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,026 คน ระหว่างวันที่ 19-22 มิ.ย. กรณี “พฤติกรรมประชาธิปไตยของคนไทย ณ วันนี้” พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 50.78 มองว่ามีพฤติกรรมประชาธิปไตยมาก ร้อยละ 40.25 อยู่ในระดับปานกลาง นอกจากนี้ร้อยละ 48.54 ยังเห็นว่าพฤติกรรมประชาธิปไตยแสดงออกได้โดยการเคารพในสิทธิ หน้าที่ และความเห็นของผู้อื่น ทั้งนี้มีร้อยละ 92.69 เห็นว่าความสำคัญของพฤติกรรมประชาธิปไตยทำให้ประชาชนได้แลกเปลี่ยนความเห็น มุมมอง และยอมรับความแตกต่างระหว่างกัน ขณะที่อุปสรรคของการมีพฤติกรรมประชาธิปไตย คือการถูกแทรกแซง ควบคุมอำนาจ ละเมิดสิทธิเสรีภาพ ส่วนการส่งเสริมพฤติกรรมประชาธิปไตย ควรเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม ตรวจสอบการทำงานของนักการเมือง
…
…