ที่มาของภาพ, THAI NEWS PIX
มติการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกของ ครม. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เห็นชอบปรับลดค่าไฟให้กับประชาชนเหลือ 4.10 บาท เริ่มตั้งแต่รอบบิลเดือน ก.ย. นี้เป็นต้นไป พร้อมประกาศลดราคาน้ำมันดีเซลให้ต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร มีผลในวันที่ 20 ก.ย. ส่วนน้ำมันกลุ่มเบนซินยังไม่มีการปรับราคา
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงผลการประชุม ครม. นัดแรกในวันนี้ (13 ก.ย.) ด้วยตัวเอง โดยใช้เวลา 6 นาที แถลงถึงมติ ครม. โดยสังเขป
1. พระราชพิธีเฉลิมพระเกียรติในหลวง
เรื่องแรกที่ ครม. มีมติในการประชุมนัดแรกตามการแถลงของนายเศรษฐา คือ การจัดตั้งคณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีเฉลิมพระเกียรติครบ 6 รอบ 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปีหน้า เพื่อให้ "สมพระเกียรติ" และประชาชนได้มีส่วนร่วม
2. ปรับลดค่าไฟ-ดีเซล
End of เรื่องแนะนำ
มติ ครม. นัดแรก ในเรื่องของเศรษฐกิจ จะมีการปรับลดค่าพลังงาน นายเศรษฐา กล่าวว่า ครม. มีมติลดค่าไฟฟ้าเป็น 4.10 บาท ต่อกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง จากเดิมที่จัดเก็บในอัตรา 4.45 บาท โดยเริ่มในรอบบิลเดือน ก.ย. นี้เป็นต้นไป
พร้อมลดราคาน้ำมันดีเซล ให้ต่ำกว่า 30 บาท ต่อลิตร เริ่มต้นได้ในวันที่ 20 ก.ย. ขณะที่น้ำมันกลุ่มเบนซินยังอยู่ในการพูดคุย แต่จะทยอยมีมาตรการออกมา
"เรื่องเบนซินมีการพูดคุยกันและจะต้องดูให้ดีถึงกลุ่มผู้เดือดร้อนจริง ๆ" เศรษฐา กล่าว
ต่อมานายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการลดค่าพลังงานว่า ในส่วนของค่าไฟฟ้า การเห็นชอบลดค่าอัตราไฟฟ้าของรัฐบาลจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของประเทศเป็นจำนวนเงินวันละ 189 ล้านบาท จากการใช้ไฟฟ้า 540 หน่วยต่อวัน
ส่วนราคาน้ำมันดีเซลที่ปัจจุบันอยู่ที่ลิตรละประมาณ 32 บาท การลดลงให้เหลือ 30 บาท จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายลงวันละ 148 ล้านบาท จากการอัตราการใช้น้ำมันดีเซลทั้งประเทศวันละ 74 ล้านลิตร
ที่มาของภาพ, ทำเนียบรัฐบาล
3. พักหนี้เกษตรกร-ธุรกิจขนาดเล็ก 3 ปี
นายเศรษฐา แถลงว่า ครม. ยังมีมติเรื่องการพักหนี้เกษตรกร และกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) เป็นเวลา 3 ปี
รายละเอียดการพักหนี้ ยังไม่มีออกมาแน่ชัด แต่นายสัตวแพทย์ชัย โฆษกรัฐบาลระบุว่า เป็นการพักทั้งต้นและดอก ส่วนแนวทางต่าง ๆ ที่ประชุม ครม. ได้ให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ศึกษาแนวทางใน 14 วัน
4. ฟรีวีซา จีน-คาซัคสถาน
อีกมติที่มีการแถลง คือ ครม. เห็นชอบวีซาฟรีชั่วคราว สำหรับผู้ที่เดินทางจากจีนและคาซัคสถาน ที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 2566 ถึง 29 ก.พ. 2567
นายกฯ อธิบายว่า วีซาฟรีชั่วคราวนี้ เป็นการยกเว้นชั่วคราวเพื่อดูผลกระทบก่อน พร้อมยืนยันว่า มาตรการนี้ได้ผ่านการพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยแล้ว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการตั้งเป้าของรัฐบาลว่า ในปีนี้จะต้องทำตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้ 28 ล้านคน โดยการเห็นชอบมาตรการฟรีวีซ่าในกลุ่มเป้าหมายคนจีน เป็นเพราะตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ออกจากจีนไปยังทั่วโลก เมื่อปี 2562 อยู่ที่ 164 ล้านคน และไม่นานจะทะลุ 200 ล้านคน จึงทำให้จีนเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญของประเทศไทย
"เป้าหมายใหญ่อยู่ที่ปี 2567 รายได้จากการท่องเที่ยวจะต้องทะลุ 3 ล้านล้านบาท โดยเล็งไปที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 40 ล้านคน… เราต้องเล็งประเทศจีนเพราะศักยภาพสูงมาก"
นอกจากนี้ รัฐบาลยังตั้งเป้าเพิ่มเที่ยวบินไปยังจีนอีกหลายเมือง เพื่อนำนักท่องเที่ยวจีนเข้ามา
5. ไฟเขียว "ภูมิธรรม" ตั้งคณะกรรมการศึกษาประชามติ แก้รัฐธรรมนูญ
นายเศรษฐา กล่าวด้วยว่า คณะรัฐมนตรียังมีมติในเรื่องการแก้ไขปัญหาความเห็นต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ และได้เห็นชอบให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้รับผิดชอบ
จากนี้ นายภูมิธรรม จะแต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ โดยยึดแนวทางของศาลรัฐธรรมนูญเป็นสำคัญ และใช้เวทีรัฐสภาในการหารือรูปแบบแนวทางในการแก้ไขรัฐธรรมนูญและประชามติ เพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วนร่วมออกแบบกฎกติกาที่เป็นประชาธิปไตยร่วมกัน
ที่มาของภาพ, THAI NEWS PIX
ครม.มอบหมายให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ดูแลเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
6. ยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์
ครม. ยังเห็นชอบในการแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เพื่อขับเคลื่อนนโยบาย 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการชุดนี้จะกำหนดยุทธศาสตร์ว่าด้วยซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทย โดยนายเศรษฐา นายกฯ จะนั่งเป็นประธาน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นรองประธาน
7. จ่ายเงินข้าราชการเดือนละ 2 รอบ
อีกมติสำคัญ คือ การเปลี่ยนการจ่ายเงินข้าราชการจากเดือนละ 1 รอบ เป็นเดือนละ 2 รอบ โดยคาดว่าจะบังคับใช้วันที่ 1 ม.ค. 2567 เป็นต้นไป
"เรื่องนี้ผมเชื่อว่าจะเป็นเรื่องที่บรรเทาทุกข์ให้กับข้าราชการชั้นผู้น้อยได้เยอะพอสมควร ถ้ามีการจ่ายเงินเดือน 2 รอบ จะได้ไม่มีการกู้หนี้ยืมสิน ไม่ต้องคอยให้ถึงสิ้นเดือนก่อน" นายเศรษฐา กล่าว
ในการแถลงของโฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุว่า มาตรการนี้มีที่มาจากหน่วยงานข้าราชการรายงานถึงปัญหาจากข้าราชการถึงสภาพคล่องในแต่ละเดือน โดยระบุว่าหน่วยงานที่เสนอคือ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้ศึกษาและชั่งน้ำหนักมาแล้ว
"ข้าราชการเรียกร้องมาว่า อย่า 30 วันออกรอบนึงเลย มันไม่ทัน เพราะสภาพคล่องมีปัญหา" โฆษกรัฐบาลระบุ
ที่มาของภาพ, THAI NEWS PIX
นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
นายสัตวแพทย์ชัย แถลงถึงข้อสั่งการของนายเศรษฐาว่า ได้มอบนโยบายให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตั้งทีมงานกวาดล้างผู้มีอิทธิพล การจ่ายส่วย การซื้อตำแหน่ง ยาเสพติด และกิจกรรม "สีเทา" ต่าง ๆ
โฆษกรัฐบาล เปิดเผยคำกล่าวของนายเศรษฐาว่า จะถือว่าเรื่องนี้เป็น "เคพีไอ" หรือตัวชี้วัดของราชการในระดับจังหวัด ได้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจจังหวัด และผู้บังคับการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ของจังหวัด ว่าหากไม่สามารถกวาดล้างแก้ปัญหาได้จะต้องรับผิดชอบ
"3 บิ๊กในแต่ละจังหวัด ท่าน (นายกฯ) บอกว่า ถ้าเอาเรื่องนี้ไม่อยู่ตามนโยบาย 3 ท่านนี้ต้องรับผิดชอบ ถ้าอยากจะรักษาตำแหน่งเอาไว้ต้องตอบสนองนโยบายนี้ ต้องให้ราบคาบ ให้รวดเร็ว" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว
© 2023 บีบีซี. บีบีซีไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อเนื้อหาของเว็บไซต์ภายนอก. นโยบายของเราเรื่องการเชื่อมต่อไปยังลิงก์ภายนอก. อ่านเกี่ยวกับแนวทางของเราในการติดต่อกับลิงก์ภายนอก
Related Stories
ตุลาคม 19, 2024