ข่าว
วิดีโอ
หนังสือพิมพ์
ไทยรัฐทีวี
ไลฟ์สไตล์
กีฬา
บันเทิง
ดวง
หวย
นิยาย
โปรโมชั่น
MONEY
MIRROR
THAIRATH +
LIVE
สอบสวนกลางล่าเด็ดหัว “ไอ้หน่อง” สมุน “กำนันนก” คนดังเมืองนครปฐม มือปืนสังหารโหดสารวัตรทางหลวง ตงฉิน หลังเผ่นซุกโรงธูปร้าง จ.กาญจนบุรี เหิมฮึดสู้ยิงใส่ หวังเปิดทางหนี เจอสวน 3 นัดดับข้างกระบะคู่ใจ กำนันรู้ข่าวถึงเครียด ก่อนถูกคุมตัวย้ายมาขังที่ บก.ป. ยังยืนกรานหัวชนฝาไม่ได้เป็นคนสั่งยิง อ้างลูกน้อง ทำเอง ผบ.ตร.สั่งเด้งกราวรูด 25 โปลิศร่วมงานเลี้ยง มรณะ “บิ๊กโจ๊ก” ตามบี้มือกลบหลักฐานช่วยคนผิด ซัดต้นเหตุสูญเสียเพราะตำรวจหงอให้ผู้มีอิทธิพล ด้าน “นายกฯเศรษฐา” ลั่นเอาจริง ล้างมาเฟีย
กลายเป็นคดีฆาตกรรมสยองสะเทือนวงการตำรวจ กรณีนายธนัญชัย หรือหน่อง หมั่นมาก อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89/8 หมู่ 7 ต.หนองกบ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ลูกน้องคนสนิทนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก อายุ35 ปี กำนันตำบลตาก้อง อ.เมืองนครปฐม รัวยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรศิว อายุ 31 ปี สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. จนพรุน 7 นัดเสียชีวิต อุกอาจคางานเลี้ยงบ้านกำนันเลขที่ 30/1 หมู่ 1 ต.ตาก้อง และ พ.ต.ท.วศิน พันปี รอง ผกก.กก.2 บก.ทล.ได้รับบาดเจ็บ หลังกำนันนกไม่พอใจที่ขอให้ผู้ตายช่วยสับเปลี่ยนหน้าที่จ่าตำรวจทางหลวงแล้วถูกปฏิเสธ หลังเกิดเหตุนายประวีณหลบหนีไปพร้อมมือปืน ก่อนย้อนกลับมาให้ทนายพามอบตัว อ้างว่าลูกน้องทำเอง ขณะที่กองปราบปรามผนึกกำลังตำรวจภาค 7 ไล่ล่านายธนัญชัย ขู่จับตายหากขัดขืนต่อสู้
ในที่สุดตำรวจวิสามัญฆาตกรรมลูกน้องคนสนิทกำนันคนดังเมืองนครปฐม หลังเหิมเกริมต่อสู้ดับคาโรงงานธูปร้าง เปิดเมื่อเวลา 05.45 น. วันที่ 8 ก.ย. ร.ต.ท.ธีรพงษ์ โพธ์ศรีทอง รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.ท่าเรือ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี รับแจ้งเหตุวิสามัญฯ นายธนัญชัย หมั่นมาก หรือ หน่อง สวนกล้วย ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ จ.462/2556 ลง 7 ก.ย.66 ขณะหลบหนีเข้าไปบริเวณโรงงานธูปร้าง ด้านหลังวัดพระแท่นดงรัง หลังวนอุทยานพระแท่นดงรัง หมู่ 6 บ้านดอนตาไล้ ต.อุโลกสี่หมื่น ไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จ.กาญจนบุรี พ.ต.อ.สมบัติ โพธิ์งาม ผกก.สภ.ท่าเรือ และพ.ต.อ.มานะ สำราษวงศ์ ผกก.สส.ภ.จ.กาญจนบุรี
…
เมื่อไปถึงพบศพนายธนัญชัย หมั่นมาก นอนหงายอยู่ใกล้ประตูรถฝั่งคนขับ รถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สภาพสวมเสื้อสีดำ นุ่งกางเกงยีนส์ มีแผลถูกยิงบริเวณหน้าอก 2 นัด และลำคอด้านขวาทะลุคางด้านซ้าย 3 นัด มีอาวุธปืนขนาด 9 มม. ยี่ห้อนอริงโก้ ตกอยู่ข้างมือขวา มีรถยนต์นิสสัน สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 1กษ 9067 กรุงเทพมหานคร ของตำรวจจอดประกบท้ายอยู่ ตรวจสอบประตูด้านหน้าขวามีรอยกระสุน 3 รู หลังตรวจจุดเกิดเหตุเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ประสานตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดกาญจนบุรี แพทย์ รพ.มะการักษ์ อัยการจังหวัดกาญจนบุรี นายอนุชา หอยสังข์ นายอำเภอท่ามะกา อาสาสมัครกู้ชีพขุนรัตนาวุธ และมูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ประจำจังหวัดกาญจนบุรี ร่วมไปชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง
จากการตรวจสอบหลักฐานคนร้ายที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะอาวุธปืนพบว่าเป็นขนาด 9 มม. 1 กระบอก มีกระสุนคาในรังเพลิง 1 นัด ในแมกกาซีน 4 นัด ปลอกกระสุน 9 มม. 4 ปลอก และแมกกาซีน 1 แม็ก มีกระสุนบรรจุ 11 นัด ขณะนี้อยู่ระหว่างส่งของกลางทั้งหมดไปตรวจอย่างละเอียด อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นพบว่าอาวุธปืนที่ยึดได้เป็นคนละกระบอกที่นายหน่องใช้กระหน่ำยิงสารวัตรศิว ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างไล่เช็กว่าปืนกระบอกที่ใช้ก่อเหตุ นายหน่องนำไปเก็บซ่อนไว้ที่ใด หรือนำไปฝากใครหรือไม่
พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ชุดสืบสวน บช.ก. ได้รับมอบหมายให้ติดตามไล่ล่านายหน่อง มือปืนที่ก่อเหตุยิง พ.ต.ต.ศิวกร เสียชีวิตตั้งแต่หลังเกิดเหตุ จนกระทั่งได้เบาะแสพบว่าพิกัดของคนร้ายอยู่ในบริเวณดังกล่าว ก่อนนำกำลังเข้าตรวจสอบเพื่อจับกุม เมื่อไปถึงพบคนร้ายอยู่บริเวณหน้าบ้านโรงธูปร้างได้ใช้ปืนยิงใส่รถตำรวจ 2 คันเพื่อหวังจะเปิดทางหนี ก่อนถูกตำรวจยิงสวนถึงแก่ความตาย หลังเกิดเหตุตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี แพทย์โรงพยาบาลมะการักษ์ นายอำเภอท่ามะกา และอัยการร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐานก่อนส่งศพไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ ตามระเบียบ
มีรายงานว่าสำหรับเหตุการณ์วิสามัญฆาตกรรม นายธนัญชัย มือปืนยิง พ.ต.ต.ศิวกร เสียชีวิต เกิดขึ้นภายหลังจาก พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รรท.ผบก.ทล. พร้อม พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. นำชุดสืบสวนกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ลงพื้นที่ตรวจสอบจนทราบแน่ชัดว่าคนร้ายคือนายหน่อง รีบขับรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ สีขาว หลบหนีออกจากบ้านกำนันนกทันที เจ้าหน้าที่เร่งแกะรอยสืบหาเบาะแสต่างๆ ทราบจากรูปพรรณยานพาหนะที่ใช้หลบหนีว่าเป็นรถกระบะสีขาว ระหว่างทางสับเปลี่ยนป้ายทะเบียนรถเป็นป้ายแดงเพื่อให้ยากต่อการติดตาม แต่ยังขับวนเวียนอยู่ในพื้นที่ จ.ราชบุรี จ.เพชรบุรี และ จ.กาญจนบุรี
กระทั่งเจ้าหน้าที่มาพบเบาะแสล่าสุดช่วงกลางดึกว่า รถกระบะคันดังกล่าวขับเข้าไปในซอยโรงงานธูปร้างหลังวัดพระแท่นดงรัง อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ทั้งหมดนำกำลังเข้าปิดล้อม ก่อนส่งสัญญาณเรียกให้นายธนัญชัย ยอมวางอาวุธปืนแล้วเดินออกมามอบตัว แต่ไม่เป็นผล นายธนัญชัย กลับชักอาวุธปืนยิงใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเปิดทางหลบหนี เคราะห์ยังดีกระสุนพลาดไปถูกรถ เจ้าหน้าที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่ พ.ต.ท.พลปพัฒน์ ภู่พูลทรัพย์ สว.ส.ทล.1 กก.3 บก.ทล. และ พ.ต.ท.ธนาคาร จันทร์กระจ่าง สว.กก.4 บก.ปคม. ตัดสินใจยิงต่อสู้สวนไปหลายนัดจนเสียงปืนสงบลง เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุพบว่านายธนัญชัยถูกกระสุนปืนของชุดสืบสวนเสียชีวิตคาที่ไปแล้ว รีบรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบถึงเหตุดังกล่าว
…
ต่อมา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุวิสามัญฯ นายหน่อง จากนั้นเปิดเผยว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นเหตุสุดวิสัยที่ตำรวจถูกคนร้ายยิงเข้าใส่ก่อน จำเป็นต้องยิงสวนไปเพื่อป้องกันตัว ทำให้คนร้ายถูกกระสุนปืนจนเสียชีวิต ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการตั้งใจวิสามัญฯเพื่อแก้แค้นแต่อย่างใด ตอนนี้ก็มี พ.ร.บ.อุ้มหายแล้ว การวิสามัญฆาตรกรรมถือเป็นทางเลือกสุดท้ายจริงๆ ตนให้นโยบายตำรวจชุดติดตามจับกุมไว้แล้วว่า หากสามารถจับตัวได้แบบเป็นๆก็จะได้นำมาสอบสวนขยายผลไปถึงผู้บงการ แต่หากเกิดเหตุสุดวิสัยอันตรายจะถึงตัวก็อนุญาตให้ใช้ยุทธวิธีขั้นเด็ดขาดได้ อย่างไรก็ตามในรายละเอียดของเหตุการณ์อยู่ในขั้นตอนการสอบสวนและชันสูตรพลิกศพของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนกรณีวันเกิดเหตุมีตำรวจอยู่ในงานเลี้ยงหลายราย แต่กลับไม่มีเข้าจับกุมตัวผู้ก่อเหตุ และปล่อยให้ผู้ก่อเหตุหลบหนีไปได้ ขณะนี้ได้เรียกตัวตำรวจทุกนายที่อยู่ในงานเลี้ยงวันเกิดเหตุเข้ามาให้ปากคำอย่างละเอียดพร้อมตั้งกรรมการสอบสวนแล้ว
ที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ เวลา 12.50 น. เจ้าหน้าที่มูลนิธิขุนรัตนาวุธ กาญจนบุรี พร้อมด้วยพ่อตาและญาตินายธนัญชัย มือปืนยิงสารวัตรศิวเสียชีวิตและถูกตำรวจกองปราบปรามวิสามัญฯเมื่อช่วงเช้ามืด นำร่างมามอบให้แพทย์นิติเวชผ่าชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิต พ่อตานายหน่องกล่าวว่า ตนเป็นแฟนใหม่แม่ภรรยานายธนัญชัย ส่วนตัวไม่เคยเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวนายหน่อง ถึงจะอยู่รั้วบ้านเดียวกันมากว่า 10 ปี ยืนยันได้ว่าหน่องมีนิสัยดี ไม่เคยเห็นดื่มสุรา ส่วนการเสียชีวิตจากการวิสามัญฯของตำรวจ ทางครอบครัวไม่ติดใจ เพราะหลังเกิดเหตุคิดไว้แล้วว่าจะลงเอยลักษณะนี้ เนื่องจากถือเป็นเรื่องใหญ่ฆ่าตำรวจ หลังเกิดเหตุครอบครัวภรรยาและลูกรอนายหน่องโทรศัพท์ติดต่อกลับมาขอเข้ามอบตัวกับตำรวจ ไม่มีการโทร.มาแต่อย่างใด วันพรุ่งนี้ทางญาติจะมารับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่วัดหนองกบ ต.หนองกบ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนสถาบันนิติเวชวิทยาเผยว่าจะนำศพไปเก็บไว้ในห้องเย็นรอผ่าพิสูจน์ช่วงเช้าวันพรุ่งนี้
…
ด้านนายประวีณ หรือกำนันนก หลังเข้ามอบตัวที่ สภ.เมืองนครปฐม และถูกตำรวจคุมตัวสอบสวนในห้องสืบสวนจนดึก ก่อนถูกเจ้าหน้าที่นำตัวกำนันนกที่ถูกใส่กุญแจมือไปเข้าห้องขังบนชั้น 2 มีนายเชาว์ แก่นสวาท ทนายความ เดินขนาบข้างอยู่ตลอดเวลา ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่นายประวีณมีสีหน้านิ่งเฉย ไม่ยอมตอบคำถามใดๆ นายเชาว์ ทนายความ เผยว่า เบื้องต้นได้เตรียมหลักทรัพย์ไว้เพื่อประกันตัวแล้ว แต่ต้องดูตามกฎระเบียบของศาล ส่วนกำนันนกยังคงยืนยันในความบริสุทธิ์ของตัวเองว่าไม่ได้ก่อเหตุหรือเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
นายเชาว์กล่าวอีกว่า ตอนนี้ทราบเพียงผู้ต้องหาคนเดียวคือกำนันนก ส่วนผู้ต้องหาคนอื่นเราไม่ทราบ แต่จริงๆทุกคนมางานเลี้ยงที่บ้านกำนัน ทุกอย่างอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจและว่าไปตามพยานหลักฐานที่มี กำนันนกไม่ได้มีความหนักใจใดๆ เรื่องการจัดเลี้ยงต่างๆ มันเกี่ยวข้องกับการดูแลประสานงานตำรวจในพื้นที่ หรือเป็นการสอดส่องดูแลในเรื่องของการปกครองก็มีการนัดทานข้าว ถือเป็นเรื่องปกติ หากถามในเรื่องวงจรปิดตนไม่ทราบ ส่วนข้อหาของกำนันนกเป็นเรื่องของการใช้และจ้างวานตามที่ได้ถูกกล่าวหา แต่หากเราไม่ได้เป็นผู้กระทำก็ให้การไปตามความจริง ส่วนอื่นๆว่าไปตามพยานหลักฐาน
…
ต่อมาเวลา 09.40 น. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.5 บก.ป. นำกำลังกองปราบปราม พร้อมชุดปฏิการพิเศษ “หนุมาน กองปราบ” คุมตัวนายประวีณ จันทร์คล้าย ผู้ต้องหาออกจากห้องขัง สภ.เมืองนครปฐม หลังมีการโอนคดีให้กองปราบฯทำต่อ กำนันนกมีสีหน้าตาหมองคล้ำเต็มไปด้วยความเครียด ปฏิเสธตอบคำถามสื่อมวลชนประเด็นทำลายพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ต่อมาญาติพร้อมทนายเดินทางมาถึง ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าวันนี้เตรียมหลักทรัพย์อะไรมายื่นประกันตัวหรือไม่ ทนายความส่วนตัวกำนันนกและญาติไม่ตอบคำถาม ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะนำตัวของทนายและญาติขึ้นไปทางบันไดหนีไฟของกองบังคับการปราบปราม
ส่วนประเด็นการสอบปากคำกำนันนกวันนี้กองปราบฯจะเริ่มสอบปากคำใหม่ทั้งหมด เพราะเพิ่งโอนคดีมาทำ แต่พนักงานสอบสวนต้องนำสำนวนคดีที่กำนันนกให้ปากคำไว้ที่ สภ.เมืองนครปฐม มาเทียบเคียง ทั้งนี้ในห้องสอบสวนตำรวจแจ้งข่าวตำรวจวิสามัญฯนายหน่องไปช่วงเช้ามืด ทำให้กำนันนกมีสีหน้าท่าทางเคร่งเครียดมากกว่าเดิม แต่ยังไม่ได้พูดถึงนายหน่องคนสนิทแต่อย่างใด คาดว่าน่าจะยังอยู่ในอาการตกใจ เบื้องต้นผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนตัวของทั้งคู่เอง ตัวเองไม่รู้เรื่องไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย รวมทั้งนายพนัญชัย หมั่นมาก ไม่ได้เป็นลูกน้อง เป็นแค่เพื่อนที่รู้จักกันเท่านั้น ตลอดทั้งวันพนักงานสอบสวนจะสลับกันเข้าสอบปากคำกำนันนกเพิ่มเติมในประเด็นที่ยังเป็น ข้อสงสัย ก่อนจะนำตัวไปฝากขังในวันพรุ่งนี้
ที่สโมสรตำรวจ เวลา 14.30 น. วันที่ 8 ก.ย. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เปิดเผยความคืบหน้าถึงคดีดังกล่าวว่า ตำรวจแบ่งคดีออกเป็น 3 ส่วน คดีแรกคือคดีการก่อเหตุยิงสารวัตรศิวกร คดีนี้ให้กองปราบปรามสอบสวน เพื่อให้การสอบสวนเป็นไปด้วยความเชื่อมั่น ส่วนที่ 2 คดีวิสามัญฆาตกรรมนายธนัญชัย มือปืนช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาเป็นความรับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 7 และส่วนที่ 3 ตำรวจ ภูธรจังหวัดนครปฐม เป็นเรื่องของข้าราชการตำรวจที่อยู่ในที่เกิดเหตุกระทำผิดต่อการปฏิบัติหน้าที่มาตรา 157 เนื่องจากไม่รักษาที่เกิดเหตุและไม่จับกุมคนร้าย ตนจะกำกับดูแลคดีในคดีส่วนที่ 2 และส่วนที่ 3 ที่อยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 7 ส่วนคดีหลักยิงสารวัตรศิวกร ผบช.ก.จะเข้าไปเป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ในเรื่องการสอบสวนเราร่วมกันรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเอาเข้าสำนวนการสอบสวน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้านอกจากการวิสามัญฆาตกรรมคนร้ายแล้ว ในส่วนของสำนวนการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดผู้กระทำความผิดทั้งหมด จะสอบปากคำแม่บ้าน เจ้าของร้านโต๊ะจีนและพนักงานร้านโต๊ะจีนทั้งหมดที่อยู่ในที่เกิดเหตุ และวันที่ 9 ก.ย. เวลา 10.00 น.จะสอบสวนตำรวจทั้งหมดที่มีราว 25 นาย รวมถึงบุคคลภายนอกอีก 5-6 คนจะสอบสวนทั้งหมดในห้วงเวลา 3-4 วันนี้ ความจริงจะค่อยๆปรากฏ คดีนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน เนื่องจากพยานหลักฐานมันนิ่ง ตัวบุคคลมันเห็นชัดเจนหมดแล้ว
“สิ่งที่ต้องไล่ให้ได้คือ 1.การทำลายพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ มีใครร่วมด้วยหรือไม่ ตำรวจเกี่ยวข้องหรือไม่ ใครเป็นคนสั่งการ ใครเป็นคนอำนวยความสะดวก ใครเป็นต้นคิด อันนี้ต้องหาความจริงมาให้ปรากฏ เชื่อว่าในช่วงเวลา 3-4 วันจากการสอบสวนต้องได้ความจริงออกมา ที่ผ่านมาจากการสอบสวนตำรวจยังให้การไม่ตรง ให้การโกหกหรือการให้การเท็จ เป็นธรรมชาติของมนุษย์ คนเมื่อทำผิดจะต้องโกหก ถ้าโกหกแล้วจับไม่ได้ หลักคือ ไม่มีความผิด แต่ถ้าโกหกแล้วจับได้ต้องดำเนินคดีมาตรา 157 เดี๋ยวทุกอย่างจะต้องออกมาเอง ทั้งเส้นทางการเงิน การใช้โทรศัพท์ ตอนนี้นำตำรวจทั้งหมดไปเก็บลายนิ้วมือ ตรวจดีเอ็นเอเพื่อนำมาตรวจเปรียบเทียบทั้งหมด” รอง ผบ.ตร.กล่าว
รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า สำหรับการสูญเสียครั้งนี้เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ ขอเรียนว่า บ้านเมืองมีขื่อมีแป คำว่าผู้มีอิทธิพล ถ้าผู้การจังหวัด ผู้กำกับเข้มแข็ง เรื่องนี้จะไม่เกิด ถ้าตำรวจไม่มีส่วนรู้เห็นเป็นใจ รับรองว่า เรื่องนี้จะไม่เกิด ตำรวจหลายคนเรียนจบมาจากโรงเรียนแต่กลับมาเป็นลูกน้องคนไม่มีความรู้ ต้องมาเดินตามหลังเขา เป็นเรื่องที่ต้องเรียนตรงๆว่า ผู้การฯ ผู้กำกับทุกที่จะต้องเน้นย้ำกำชับย้ำเตือนในการวางตัว ปฏิบัติตัว กรณีที่กำนันนกฮึกเหิมขนาดนี้เพราะเจ้าหน้าที่รัฐให้ท้าย วันพรุ่งนี้ตนจะไปควบคุมการสอบสวนที่ภูธรภาค 7 ด้วยตัวเอง เพื่อเก็บรวบรวมรายละเอียดหลักฐานในที่เกิดเหตุเพิ่มเติม สั่งชุดผู้กำกับสืบสวนภาคและสืบสวนของ ตร. ไล่สอบสวนจากกำนันนก และผู้ที่มีความเชื่อมโยงกับกำนันนกจะตรวจค้นทั้งหมด และถือโอกาสล้างบาง จะไม่หยุดอยู่แค่คดีนี้เท่านั้น
“กำนันนกมีธุรกิจเรื่องการก่อสร้าง มีการพูดคุยถึงประเด็นเรื่องของส่วยรถบรรทุกด้วยว่า มีความเชื่อมโยงหรือไม่ เป็นเรื่องธุรกิจของรถบรรทุกในการวิ่งงานก่อสร้าง อาจมีการเชื่อมโยงในส่วนนี้เราต้องขยายต่อว่า มีเรื่องส่วยด้วยหรือไม่ ตอนนี้จะต้องมีการตรวจค้นขอหมายค้นเพื่อตรวจค้นต่อไป” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวและว่า ยังไงกำนันนกก็ไม่รอดต้องถูกดำเนินคดี หากเจอเซิร์ฟเวอร์ (server) และกู้มาได้จะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ขอเวลา 3-4 วัน จะสอบสวนว่ากำนันนกมีส่วนสั่งให้ฆ่าอย่างไร เพราะตัวผู้ก่อเหตุไม่ได้มีสาเหตุโกรธเคืองกับตัวสารวัตร ศิวกรแล้วจะมีสาเหตุอะไรที่จะทำให้ผู้ก่อเหตุไปยิง
มีรายงานว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร สั่งการให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ภาค 7 ตรวจเก็บดีเอ็นเอจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดที่อยู่ในงานวันเกิดเหตุ เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับหลักฐานในจุดเกิดเหตุ เนื่องจากหลังเกิดเหตุ มีการทำลายพยานหลักฐานต่างๆจำนวนมาก ทั้งการชะล้างคราบเลือด เก็บปลอกกระสุนปืนไปทำลายทิ้ง เหลือในถังขยะเพียง 4 ปลอก ทำให้วัตถุพยานประกอบสำนวนเสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “เซิร์ฟเวอร์” กล้องวงจรปิด 30 ตัวในบ้านเกิดเหตุ ถูกถอดหายไป นอกจากการตรวจเก็บดีเอ็นเอเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดแล้ว ยังมีคนในบ้านของ “กำนันนก” อีกกว่า 20 คนด้วย
ประเด็นที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ให้ความสนใจมากที่สุดคือ การควานหาตัว “ไอ้โม่ง” ที่เป็นคนบงการให้มีการทำลายหลักฐานต่างๆในจุดเกิดเหตุ รวมถึงเป็นคนเข้าไปถอดเอา “เซิร์ฟเวอร์” บันทึกภาพจากกล้องวงจรปิด 30 ตัวในบ้านออกไป เป็นพยานหลักฐานสำคัญทางคดี แสดงให้เห็นว่าเป็นคนที่มีประสบการณ์ ผ่านงานสืบสวนสอบสวนทางคดีมาเป็นอย่างดี รู้แนวทางการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ วัตถุพยานบางอย่างก็ถูกเคลื่อนย้ายไปทำลายหรือทำให้หมดสภาพจนไม่สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานมัดตัวผู้เกี่ยวข้องได้ มีผู้ต้องสงสัยที่รอการตรวจสอบ 3-4 ราย
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า กรณีเหตุคนร้ายอุกอาจเหิมเกริม ยิงสารวัตรตำรวจทางหลวงเสียชีวิตในบ้านพักกำนันในพื้นที่ ต.ตาก้อง อ.เมืองนครปฐม ปรากฏภาพตำรวจ 25 นายเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในที่เกิดเหตุ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคม พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.สั่งการให้ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยด่วน ประสานข้อมูลกับชุดสืบสวนทีมงาน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ชุดทำงานตำรวจภูธรภาค 7 และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมออกคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจทั้ง 25 นายมาช่วยราชการที่ ศปก.ตร.
“ผบ.ตร.เน้นย้ำต้องตรวจสอบสาเหตุ ความเกี่ยวข้องที่เข้าไปร่วมในงาน รวมถึงสาเหตุที่ปล่อยให้ผู้กระทำผิดหลบหนีไป มีการทำลายพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ตรวจสอบข้อเท็จจริงรายละเอียดแยกเป็นรายบุคคล รวบรวมข้อเท็จจริงให้ครบทุกมิติ หากพบว่าข้าราชการตำรวจรายใดมีความผิดอาญาหรือวินัย ให้ดำเนินการเด็ดขาดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง” โฆษก ตร.กล่าว
พล.ต.ท.อาชยน กล่าวอีกว่า เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญประชาชนให้ความสนใจ มีความยุ่งยากซับซ้อน ประกอบกับผู้ต้องหาเป็นนักการเมืองท้องถิ่นมีอิทธิพลในพื้นที่ ผบ.ตร.สั่งการให้โอนคดีอาญาที่เกี่ยวข้องให้ บช.ก.สอบสวนความผิดกำนันนก หากตรวจพบความผิดอื่นต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมทั้งขยายผลดำเนินการผู้เกี่ยวข้อง ผบ.ตร.ยังสั่งการให้ทุกหน่วยระดม กวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่ โดยเฉพาะความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน และปราบปรามผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ทั่วประเทศ และสั่งกำชับข้าราชการตำรวจไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ไม่เข้าไปคบค้าสมาคมหรือมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องใกล้ชิดผู้มีอิทธิพล กำชับให้ผู้บังคับบัญชาสอดส่องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด หากพบหรือปรากฏข้อมูลว่ามีข้าราชการตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องลักษณะดังกล่าวจนส่งผลให้เกิดความเสียหาย กระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยรวม ให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการทางวินัยข้าราชการตำรวจดังกล่าว ตามคำสั่ง ตร.ที่ 1212/2537 ด้วย
สำหรับรายชื่อที่ไปร่วมงานเลี้ยงกำนันนกในวันเกิดเหตุ และถูกคำสั่งย้ายประกอบด้วย พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล. พ.ต.อ.ภาณุทัต เหลืองสัจจกุล ผกก.สส.ภ.จ.นครปฐม พ.ต.อ.กฤษฎาพร จงอักษร ผกก.สน.พญาไท ด.ต.ชนาณัฐ วุฒิยากร ผบ.หมู่ บก.ทล. พ.ต.ท.ณรงค์ พิทักษ์ฉนวน สว.ฝอ.กก.2 บก.ทล. จ.ส.ต.เมทิศกร พันสิจันทร์ ผบ.หมู่ ทล.1 บก.ทล. จ.ส.ต.พิสิฐ ชิวปรีชา ผบ.หมู่ ส.ทล.กก.2 บก.ทล. พ.ต.ท.เกียรติศักดิ์ สมสุข สว.สส.สภ.กระทุ่มแบน ร.ต.ท.นิมิตร สลิดกุล สังกัด สภ.เมืองนครปฐม ร.ต.อ.นุชิต บรรณชัย รอง สว.ปทส.5 ด.ต.สราวุฒิ เชียงทอง ผบ.หมู่ สทล.1 กก.2 บก.ทล. จ.ส.ต.ทศพล แซ่อึ้ง ผบ.หมู่ สทล.1 กก.2 บก.ทล. จ.ส.ต.อภิรักษ์ โรจน์พวง ผบ.หมู่ กก.5 ปคม. ส.ต.ท.สุทธิกานต์ แซ่ล้อ ผบ.หมู่ คฝ.ภ.จ.นครปฐม ส.ต.ต.ธนทัต ท่าน้ำตื้น ผบ.หมู่ คฝ.ภ.จ.นครปฐม พ.ต.ท.ภมร วรญาวิศุทธิ์ สว.สส.สภ.สระยายโสม ร.ต.อ.ประสมมาศ แสงสุขมี รอง สว.จร.สภ.กำแพงแสง ด.ต.ถนอม ศักดิ์มีศรี ผบ.หมู่ สภ.สามควายเผือก ร.ต.ท.ณรงค์ศักดิ์ แดงอำไพ รอง สว.สทล.1 กก.2 บก.ทล. ส.ต.ต.สรรเสริญ ศรีอุบล ผบ.หมู่ คฝ.ภ.จ.นครปฐม พ.ต.ท.วศิน พันปี รอง ผกก.2 บก.ทล. ด.ต.สมโชค บัวลอย สังกัด ภ.7 ด.ต.สราวุฒิ เชียงทอง สังกัดทางหลวง ร.ต.อ.ณัฎฐพล นาคกร สังกัดทางหลวง และ ร.ต.ท.ประสาร รอดผล สังกัดทางหลวง
ด้านนายยุทธนา โพธิวิหค นายอำเภอเมืองนครปฐม เปิดเผยกรณีนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก ถูกตำรวจดำเนินคดีใช้ลูกน้องยิงสารวัตรศิวว่า มีคำสั่งจังหวัดนครปฐมแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงกับนายประวีณ จันทร์คล้าย กํานันตำบลตาก้อง อ.เมืองนครปฐม มีนายอำเภอเมืองนครปฐมเป็นประธานการสอบสวนพร้อมทั้งให้นายประวีณพักหน้าที่กำนันตำบลตาก้อง และผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 เพื่อรอฟังการสอบสวนพิจารณา และแต่งตั้งนางธัญญพร สงพรมทิพย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.ตาก้อง ทำการแทนกำนันตำบลตาก้อง และรักษาการแทนผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.ตาก้อง อ.เมืองนครปฐม
ขณะที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณี พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. ถูกยิงเสียชีวิตอย่างอุกอาจระหว่างร่วมงานเลี้ยงบ้านกำนันนกว่า 1.เป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือที่ตำรวจระดับบังคับบัญชาจะแห่แหนกันไปร่วมงานเลี้ยงของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ 2.เหมาะสมแล้วหรือที่เป็นตำรวจระดับบังคับบัญชาแท้ๆแต่ต้องแสดงพฤติกรรมซูฮกคารวะ ประหนึ่งเป็นลูกสมุนของผู้มีอิทธิพล 3.ต้องสอบสวนเชิงลึกว่าตำรวจระดับบังคับบัญชาใน จ.นครปฐม มีความเกี่ยวข้องกับส่วยในพื้นที่หรือไม่ 4.ต้องสืบสวนสอบสวนต่อว่าเงินซื้อขายตำแหน่งมาจากเงินสีดำ หรือเงินสีเทาของผู้มีอิทธิพลคนใดมาจากธุรกิจผิดกฎหมายประเภทไหน 5.ระหว่างเกิดเหตุมีตำรวจอยู่เต็มไปหมด และนายตำรวจชั้นยศสูงๆอยู่ในนั้นด้วย ต้องถามว่าปล่อยให้คนร้ายหลบหนีไปได้อย่างไร และปล่อยให้ผู้ต้องหาทำลายหลักฐาน และวิดีโอในกล้องวงจรปิดได้อย่างไร 6.การวิสามัญฆาตกรรมมือปืนไปแล้ว แต่การสืบสวนสอบสวนในคดีนี้จะจบแบบตัดตอนเพียงเท่านี้ไม่ได้ ต้องสาวไปให้ถึงต้นตอของส่วยและการเอื้อผลประโยชน์ และต้องดำเนินคดีกับผู้มีอิทธิพล และตำรวจระดับบังคับบัญชาที่มีความเกี่ยวข้องด้วย
นายวิโรจน์ระบุด้วยว่า ได้รับการยืนยันว่า พ.ต.ต.ศิวกรเป็นตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เป็นตำรวจทางหลวงจับกุมกับรถบรรทุกที่บรรทุกน้ำหนักเกินในพื้นที่อย่างเคร่งครัด ไม่มีละเว้น ทั้งๆถูกตำรวจระดับสูงบางนายจากภูธรภาค 7 ต่อสายมากดดันก็ยังซื่อตรงต่อหน้าที่ หวังว่า ผบ.ตร.จะให้ความเป็นธรรมกับ พ.ต.ต.ศิวกร ไม่ปล่อยให้ตำรวจน้ำดีต้องมาตายฟรี ต้องไม่ปล่อยให้นายตำรวจยศใหญ่ๆ ทำตัวเป็นลูกสมุนรับใช้ผู้มีอิทธิพลให้อยู่เหนือกฎหมายตามอำเภอใจได้อีกต่อไป ที่สำคัญที่สุด พ.ต.ต.ศิวกร เป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวของลูกสาววัยเพียง 6 ขวบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกองบัญชาการสอบสวนกลาง ต้องดูแลเยียวยาครอบครัวตำรวจตงฉินคนนี้เป็นอย่างดี
เวลา 11.00 น. ที่เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสารวัตรตำรวจถูกยิงเสียชีวิตคาบ้านกำนันดังใน จ.นครปฐม มีการเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับการวิ่งเต้นรับฝากคนเข้าราชการว่า ได้แถลงการณ์ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งนายกฯเรื่องการโยกย้ายอย่างเป็นธรรม ไม่ใช่แค่ข้าราชการตำรวจ แต่รวมถึงเรื่องของการซื้อขายตำแหน่งที่ต้องไม่มี เคสนี้แย่กว่านั้นอีก เท่าที่ได้ยินมาเป็นผู้มีอิทธิพลมาโยกย้ายตำรวจแล้วเกิดไม่ได้ดั่งใจ ผบ.ตร.บอกต้องเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ เมื่อถามว่าตั้งข้อสังเกตุว่ากรณีนี้มีตำรวจชั้นผู้ใหญ่ตั้งแต่ผู้กำกับเข้าไปเกี่ยวข้อง นายเศรษฐาตอบว่า ทราบว่ารอง ผบ.ตร.เรียกตำรวจทั้ง 20 นายที่เกี่ยวข้องเข้าไปสืบสวนแล้ว ต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ด้วย ทุกอย่างต้องดำเนินการ ไปตามขั้นตอนกฎหมาย ตนได้พูดไปหลายครั้ง หลายเวทีแล้ว และรัฐมนตรีได้รับทราบแล้ว เชื่อว่าไม่มีใครกล้า
เมื่อถามว่าหลายคนตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการวิสามัญฯมือปืนที่ก่อเหตุว่าเป็นการตัดตอนไม่ให้ถึงตัวผู้สั่งการ นายเศรษฐาตอบว่า ต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย เพราะตนไม่ทราบว่าเป็นการตัดตอนจริงตามที่มีการตั้งข้อสังเกตหรือไม่ คงไม่นานจะรู้ความจริง แต่เท่าที่ทราบมามีการต่อสู้กันด้วย ขอยืนยันว่าภาพใหญ่เราไม่ยอมรับการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม ส่วนการซื้อขายตำแหน่งรัฐบาลนี้ไม่เห็นด้วย ไม่ยอมรับ และจะทำให้ดีขึ้น นอกจากนี้ ตนขอแสดงความเสียใจต่อกรณีการเสียชีวิต ของ พ.ต.ต.ศิวกร และสั่งดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้เสียชีวิตและเยียวยาครอบครัว พร้อมส่งพวงหรีดแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย
ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาด ไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจัดทำบัญชีผู้มีอิทธิพลว่า ขออย่าระบุว่าเป็นการสั่งการ เป็นสิ่งที่เราจะต้องดูแล คนที่จะมาดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน แม้จะมีบุคลิกเป็นผู้นำแต่จะต้องมีคุณธรรม ไม่ใช้อิทธิพลปกครองประชาชน หากเป็นผู้มีอิทธิพลแล้วมาปกครองบ้านเมือง จะเกิดเหตุการณ์อย่างเช่นที่ จ.นครปฐม ไม่พอใจก็ข่มขู่ นี่ขนาดลูกน้อง ถ้าเป็นลูกพี่จะขนาดไหน ตัวอย่างที่เลวๆแบบนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ต้องช่วยตนไปขึ้นทะเบียนและคัดกรอง คนแบบนี้จะอยู่ในบ้านเราและในสังคมไม่ได้ เพราะประชาชนจะเดือดร้อน ถึงขั้นเอาชีวิตกันมันไม่ได้ บ้านเมืองมีขื่อมีแป
ที่ศาลา 11 วัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร กทม. เวลา 18.00 น. วันที่ 8 ก.ย. มีพิธีสวดอภิธรรมศพ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรศิว เป็นคืนที่ 2 มีเพื่อนๆในสังกัดของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบังคับการตำรวจทางหลวงและเพื่อนร่วมรุ่น เตรียมทหารมาร่วมแสดงความเสียใจ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป.รรท. ผบก.ทล. เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตำรวจทางหลวงที่อยู่ในวงรับประทานอาหารในวันเกิดเหตุ แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับคนที่ถูกสอบด้วย เพราะตำรวจมีสิทธิ์ที่จะไปไหนมาไหนได้ ส่วนจะเข้าข่ายความผิด ม.157 หรือไม่ จากการซักถาม คนที่อยู่ในงานเบื้องต้นขณะเกิดเหตุทุกคนอยู่ในอาการตื่นตระหนกตกใจและสิ่งหนึ่งที่เขาคิดในขณะนั้นคือต้องการนำตัวผู้บาดเจ็บไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เลยไม่ได้อยู่ตรงนั้น ต้องให้ความเป็นธรรมกับตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นด้วย ไม่ใช่ว่าไม่อยากจับคนร้าย
พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า ประเด็นที่มีการพูดถึงตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์มีส่วนในการช่วยทำลายพยานหลักฐานหรือไม่ ตรงนี้ยังไม่ได้ไปดู ขอให้ความสำคัญกับตัวคนร้ายก่อนเป็นอันดับแรก ส่วนเรื่องนี้มีคณะทำงานของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ดูแลอยู่แล้ว กรณีที่มีการพูดถึงว่ามีเรื่องส่วยรถบรรทุกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนั้น จากข้อมูลที่ไปนั่งสอบตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่มีเรื่องของส่วยเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของคนที่มีอำนาจมีบารมีขอตำแหน่งในการโยกย้ายญาติตัวเองแล้วไม่ได้ก็เกิดอารมณ์ มีเรื่องของการดื่มสุราและเกิดปะทะคารมกัน ตนมองว่าวุฒิภาวะของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จริงๆมีการขอโทษขออภัยกันแล้วเรื่องก็น่าจะจบ ส่วนเรื่องการขอโยกย้ายตำแหน่งยืนยันว่ายังไม่มีการ ตกลงกันก่อนหน้านั้น เป็นการขอในวันเกิดเหตุ เคย ทำอะไรคนอื่นยอมหมด วันนี้ขอไม่ได้เลยเกิดอารมณ์
…
…
Related Stories
ตุลาคม 19, 2024